หลักการทำ SEO อย่างถูกต้อง และทำให้เว็บไซต์ติดอันดับ

หลักการทำ SEO อย่างถูกต้อง และทำให้เว็บไซต์ติดอันดับ

การทำ SEO หรือ Search Engine Optimization เป็นกระบวนการปรับแต่งเว็บไซต์ให้ตรงกับความต้องการของ Search Engine อย่าง Google ทำให้เว็บไซต์มีโอกาสปรากฏบนหน้าแรกของผลการค้นหา (SERP) สูงขึ้น ส่งผลต่อการดึงดูด Traffic เข้าสู่เว็บไซต์

หลักการสำคัญของ SEO แบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก

1. On-Page SEO มุ่งเน้นไปที่การปรับแต่งเนื้อหาและองค์ประกอบภายในเว็บไซต์

การวิจัย Keyword : เลือก Keyword ที่มีความเกี่ยวข้องกับเนื้อหาเว็บไซต์และมีคนค้นหาจำนวนมาก

การใส่ Keyword : ใส่ Keyword ใน Title Tag, Meta Description, Heading Tags, เนื้อหาบทความ และ URL

การเขียนเนื้อหา : เขียนเนื้อหาให้น่าสนใจ มีประโยชน์ ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้ และมีความยาวเหมาะสม

การ Optimize รูปภาพ : ใส่ Alt Text ที่มีความเกี่ยวข้องกับรูปภาพ

การปรับแต่งโครงสร้างเว็บไซต์ : ออกแบบโครงสร้างเว็บไซต์ให้ใช้งานง่าย เข้าใจง่าย และสามารถนำทางได้สะดวก

การปรับแต่งความเร็วเว็บไซต์ : ปรับแต่งเว็บไซต์ให้โหลดเร็ว

2. Off-Page SEO มุ่งเน้นไปที่การสร้าง Backlink จากเว็บไซต์อื่น

การเขียน Guest Post : เขียนบทความและใส่ Backlink ไปยังเว็บไซต์ของเรา

การทำ Social Media : แชร์เนื้อหาบน Social Media ต่างๆ

การสร้าง Infographic : ออกแบบ Infographic ที่น่าสนใจและใส่ Backlink ไปยังเว็บไซต์ของเรา

การทำ Forum Marketing : เข้าร่วม Forum และใส่ Backlink ไปยังเว็บไซต์ของเรา

เครื่องมือที่ช่วยทำ SEO

Google Search Console : เครื่องมือจาก Google ที่ช่วยวิเคราะห์และแก้ไขปัญหา SEO ของเว็บไซต์

Google Keyword Planner : เครื่องมือจาก Google ที่ช่วยวิเคราะห์ Keyword

Ahrefs : เครื่องมือ SEO ที่ช่วยวิเคราะห์ Backlink และ Keyword

SEMrush : เครื่องมือ SEO ที่ช่วยวิเคราะห์ Traffic และ Keyword

ข้อควรระวัง

การทำ SEO ต้องใช้เวลา : ไม่สามารถทำให้เว็บไซต์ติดอันดับได้ทันที

การทำ SEO ต้องอาศัยความรู้และประสบการณ์ : แนะนำให้ศึกษาข้อมูลหรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ

การทำ SEO ต้องทำอย่างต่อเนื่อง : อัลกอริทึมของ Search Engine เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ

สรุป

การทำ SEO เป็นกระบวนการที่ต้องอาศัยความอดทนและความพยายาม แต่หากทำอย่างถูกต้อง เว็บไซต์ของคุณก็มีโอกาสติดอันดับบน SERP สูงขึ้น ส่งผลต่อการดึงดูด Traffic เข้าสู่เว็บไซต์และเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ

การใช้ SEO และโซเชียลมีเดียเพิ่มคนเข้าเว็บไซต์

การใช้ SEO และโซเชียลมีเดียเพิ่มคนเข้าเว็บไซต์

เหตุผลของการทำ SEO คือการเพิ่มจำนวนผู้ชมเว็บไซต์เพื่อนำเสนอสินค้าและบริการเข้าถึงคนจำนวนมากซึ่งมีโอกาสกลายมาเป็นลูกค้าเป้าหมายในอนาคต ทุกเว็บไซต์ที่ขายทางออนไลน์จึงพยายามเพิ่มจำนวนผู้ชม วิธีหนึ่งคือการใช้โซเชียลมีเดียช่วยทำตลาดให้เว็บไซต์มีผู้ติดตามมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram, Line, Twitter, Pinterest และอื่น ๆ โดยเทคนิค SEO ที่ใช้ในเว็บไซต์สามารถโอนไปยังโซเชียลมีเดียได้อย่างง่ายดาย สิ่งเดียวที่แตกต่างคือโครงสร้างของเว็บไซต์และโซเชียลมีเดียซึ่งจะต้องเหมาะสมกับรูปแบบด้วย

การทำเว็บไซต์หรือเฟซบุ๊ก มีประโยชน์

การทำเว็บไซต์หรือเฟซบุ๊ก แนะนำให้โพสต์บทความเป็นประจำ ถ้าคุณไม่สามารถโพสต์บทความบ่อย ๆ อย่างน้อยควรเขียนบทความที่มีคุณภาพสูงมากและน่าสนใจ วิธีนี้จะดึงดูดคนเข้าใช้บริการได้มากขึ้น ทั้งชื่อเรื่องและเนื้อหาของบทความต้องใส่คีย์เวิร์ดที่คัดเลือกมาอย่างพิถีพิถัน เทคนิคการทำ SEO จะเชื่อมโยงหน้าเว็บไซต์กับโซเชียลมีเดียด้วยการใช้คีย์เวิร์ดเดียวกัน เครื่องมือค้นหาจะโปรโมตโพสต์โดยอิงจากคีย์เวิร์ด ทำให้บทความกลายเป็นที่นิยมอย่างรวดเร็ว อยากให้ผู้ชมค้นหาและพบโพสต์ของเว็บอย่างรวดเร็ว ควรเลือกคำหลักที่เหมาะสมที่สุด แทรกคีย์เวิร์ดในหน้าอธิบายผลิตภัณฑ์ด้วย หากคุณขาดแรงบันดาลใจ ไม่แน่ใจว่าควรเลือกคีย์เวิร์ดแบบใด อาจต้องการลองใช้บริการด้านการตลาดและจ้างนักเขียนมืออาชีพในการช่วยทำ SEO และการตลาดออนไลน์ โดยจับความคิดของผู้ประกอบการมาเขียนเรื่องราวต่างๆ เพื่อทำการโปรโมตเว็บผ่านสื่อสังคมออนไลน์

การใช้ SEO และโซเชียลมีเดียเพิ่มคนเข้าเว็บไซต์

ก่อนเขียนบทความต้องศึกษาลูกค้าเป้าหมายว่ามีพฤติกรรมการจับจ่ายและความพึงพอใจอย่างไร เนื้อหาที่สนุกสนานจะเป็นที่นิยมของคนทั่วไป ส่วนคนที่มีการศึกษามีระดับสูงสนใจคอนเทนต์ที่ให้ความคิดและมุมมองใหม่ ๆ มีข้อมูลที่เป็นประโยชน์และสอดคล้องกับความต้องการ อาจเสริมด้วยไฟล์ภาพสวย ๆ เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการ หรือโพสต์วิดีโอสั้น ๆ อธิบายคุณประโยชน์หรือเรื่องที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ

รูปภาพเป็นส่วนหนึ่งของเทคนิคการทำ SEO ด้วย การโพสต์บทความบนสื่อสังคมออนไลน์โดยที่ไม่มีรูปภาพจะไม่ค่อยน่าสนใจและประสบความสำเร็จน้อยกว่าโพสต์ที่มีรูปภาพ เพราะรูปภาพดึงดูดความสนใจของผู้คน เลือกรูปภาพอย่างระมัดระวัง ควรเกี่ยวข้องโดยตรงกับข้อความในโพสต์ที่ลงบนโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณกำลังมองหาคนเข้าชมเว็บไซต์เพิ่มขึ้น บางคนอาจคลิกลิงก์หลังจากเห็นภาพโดยไม่ต้องดูข้อความที่ได้โพสต์ในสื่อสังคมออนไลน์แม้แต่น้อย แสดงถึงอิทธิพลของรูปภาพต่อการตัดสินใจของคนส่วนใหญ่ แต่ถ้าเลือกภาพสวย ๆ ที่ไม่เกี่ยวกับกับโพสต์หรือเว็บไซต์เลยเพื่อหวังดึงคนเข้ามาเยี่ยมเว็บจำนวน ผลลัพธ์ที่ได้จะมีแต่ด้านลบ เพราะทำให้ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเข้ามาแล้วไม่พบสิ่งที่ต้องการ จึงไม่ค้นหาต่อและอาจไม่กลับมาใช้บริการซ้ำอีก

อย่าลืมว่าโปรไฟล์โซเชียลมีเดียและโพสต์บทความของคุณจะปรากฏบนในผลการค้นหาของ Google จึงเป็นเหตุผลที่ควรผลักดันแบรนด์ให้สร้างความโดดเด่นบนโพสต์โซเชียลมีเดียและเว็บไซต์ให้คนเห็นและรู้จักมากขึ้นอีก

seo มีประโยชน์

ทำไมถึงต้องใช้ SEO ในการโปรโมทเว็บไซต์

เมื่อพูดถึงการสร้างเว็บไซต์ให้เป็นที่รู้จักและชื่นชอบต้องอาศัยการโฆษณาเข้าถึงคนจำนวนมากเผยแพร่ข้อมูลออกไปให้รู้แบรนด์ของเราคือใคร ทำอะไร มีสินค้าและบริการอะไรบ้าง การทำ SEO มีประโยชน์และเป็นสิ่งที่จำเป็นในโลกของธุรกิจการค้าผ่านอินเทอร์เน็ตซึ่งมีการแข่งขันสูง ช่วยให้ เว็บไซต์ใช้ง่าย และค้นหาง่ายด้วยการแสดงผลในหน้าแรก ๆ ของการค้นหาบนกูเกิ้ล นอกจากนั้นยังใช้เงินลงทุนต่ำมากเมื่อเทียบกับการโฆษณารูปแบบอื่น เรามาดูเหตุผลทีละน้อยว่าการทำ SEO มีประโยชน์อย่างไรบ้าง

SEO มีประโยชน์อย่างไร

1.ช่วยให้แบรนด์เข้าถึงผู้ค้นหาจำนวนมาก – หากเว็บไซต์ของเราทำ SEO อย่างถูกต้อง สามารถเพิ่มจำนวนลูกค้าเข้าเว็บไซต์มากขึ้น มีโอกาสสร้างความประทับใจให้ผู้ชมหน้าใหม่กลายเป็นลูกค้าประจำบนเว็บไซต์ของคุณได้ ตามปกติการค้นหาสินค้าและบริการบนอินเทอร์เน็ต เราจะใช้ Search Engine อย่างกูเกิ้ลในการค้นหาโดยใส่คีย์เวิร์ดลงไป เช่น “ประกันชีวิต” ชื่อของบริษัทประกันจะปรากฏขึ้นมากมาย หากทำ SEO ช่วยให้ชื่อบริษัทของคุณปรากฏขึ้นมาภายในหน้าแรกบนกูเกิ้ล สร้างโอกาสให้บริษัทเปิดตัวใหม่เข้าถึงลูกค้าที่ยังไม่รู้จักแบรนด์ โดยไม่จำเป็นต้องซื้อโฆษณาที่มีราคาแพง การเลือกคำค้นหาที่ดีเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าเราเน้นคีย์เวิร์ดที่เฉพาะเจาะจง เช่น “ประกันภัย การเดินทาง” “ประกันภัย รถยนต์” ผลการค้นหาจะแคบลงและเชื่อมโยงกับผลิตภัณฑ์ของเรามากขึ้น จำนวนคู่แข่งยิ่งน้อยลง

2.สร้างลูกค้าใหม่ ดึงดูดใจลูกค้าเดิม – การทำ SEO ช่วยให้เข้าถึงผู้ค้นหาได้ง่ายขึ้น รวดเร็ว และเป็นวงกว้าง ผู้คนโดยส่วนมากจะมีความสนใจในสินค้าหรือบริการเป็นทุนเดิม ถ้าคีย์เวิร์ดที่ค้นหาเชื่อมโยงกับคีย์เวิร์ดของการทำ SEO ในเนื้อหาของคอนเทนต์ ย่อมมีโอกาสเข้าถึงและเปิดตัวให้ลูกค้าใหม่ได้รู้จักตลอดเวลา พร้อมกันนี้ยังอัพเดทข่าวสารความเคลื่อนไหวไปยังลูกค้าเดิมอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น ยิ่งเลือกคีย์เวิร์ดที่เหมาะสมในการเจาะตลาดกลุ่มเป้าหมายได้ดีเท่าไร สามารถเพิ่มโอกาสในการขายมากขึ้นเท่านั้น เพิ่มจำนวนลูกค้าประจำเว็บไซต์ของคุณได้ในระยะเวลาที่ยาวนาน

3.ช่วยโปรโมทเว็บไซต์ได้ตลอดเวลา – การส่งต่อและรับข่าวสารจากคนรู้จักกันทำให้เกิดความไว้วางใจ สร้างความน่าเชื่อถือให้แบรนด์มากกว่าการโฆษณาผ่านสื่อทั่วไป นอกจากนี้ผู้ที่มีความสนใจสามารถค้นหาคีย์เวิร์ดและพบเว็บไซต์ได้ตลอดเวลา เรียกว่าเป็นช่องทางการโฆษณาที่มีประสิทธิภาพสูงเพราะทำงานตลอด 24 ชั่วโมงในทุกๆ วัน เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้นด้วยค่าใช้จ่ายที่ประหยัด

รูปแบบการทำตลาดออนไลน์ผ่านการทำ SEO สามารถเชื่อมโยงกับสื่อโซเชียลต่าง ไม่ว่าจะเป็นเฟซบุ๊ก ไลน์ อินสตาแกรม หรือช่องทางอื่นๆ ช่วยให้เกิดการส่งต่อ กดไลค์ กดแชร์ ช่วยกระจายการจำนวนผู้รับข่าวสาร สังเกตได้ว่าการสร้างเนื้อหาคอนเทนต์ที่ไม่เหมือนใคร พร้อมกับการทำ SEO ใส่คีย์เวิร์ดเข้าไปอย่างแนบเนียนช่วยให้เกิดความแปลกใหม่และกระตุ้นความสนใจผู้บริโภคได้มากกว่าโฆษณาในรูปแบบอื่น สามารถแทรกรูปถ่ายสวยๆ คลิปวิดีโอและสื่อมัลติมีเดียอื่น ๆ สร้างมิติใหม่ของการตลาดออนไลน์ให้เกิดกระแส เมื่อถูกเผยแพร่ออกไปก็มักจะสามารถสร้างรายได้ให้กับธุรกิจมากขึ้น

การตลาดผ่าน seo

ฟรี Hosting ok ไหม

ทำ SEO ใช้โฮสฟรีจะดีไหม

คนทำ SEO หลายคนอยากได้โฮสฟรีๆ แน่นอนว่าความสามารถมันก็และดีในระดับหนึ่งสำหรับการรองรับการทำ SEO ซึ่งมีมือใหม่หลายคนสงสัยในเรื่อนี้ว่าทำไมต้องใช้โฮสแรงๆ และรองรับ IP ได้เยอะๆ คำตอบคือมันผลในการใช้งานและการทำ SEO ซึ่งข้อมูลที่เรารู้ๆกันดีว่าส่วนใหญ่จะเน้นโฮสทีรองรับข้อมูลได้มากๆ และรองรับ IP ได้เยอะๆ ที่สำคัญคือต้องเร็วและแรง และคุณภาพของโฮสที่ต้องไม่มีเว็บที่ใช้บริการติดแบล๊คลิส ดังนั้นการหาโฮสเป็นเรื่องหลักๆกันเลยทีเดียว และการใช้โฮสฟรีแม้จะได้สะดวกแต่ก็แค่สำหรับมือใหม่ที่หัดเริ่มต้นเท่านั้น เพราะหากเป็นคนทำ SEO ที่หวังผลต่อยอดการใช้ โฮสฟรีไม่เหมาะแน่นอน

ปัจจัยหลักที่ โฮสจะช่วยดันอันดับ SEO ได้นั้นแน่นอนว่าความเสถียรต้องมาเป็นอันดับแรกๆ การมีพื้นที่เก็บข้อมูลเยอะๆ ก็จำเป็น และ ต้องมีความแรง และการเลือก โฮสก็สำคัญมีกูรูบอกไว้ว่าทำเว็บไทยก็ต้องควรจะใช้โฮสไทยเพราะได้ผลดีกว่าการใช้โฮสนอก เพราะมีผลกับการค้นหาซึ่งส่วนใหญ่ในบ้านเราก็ใช้ Google.co.th ในการค้นหาดังนั้นมันจะวิ่งไปโฮสไทยได้เร็วและดีกว่าทำให้อันดับการค้นหาของเรามีการค้นพบจากคีย์เวิร์ดที่ทำไว้ได้ผลกว่าการเลือกใช้โฮสนอกที่เน้นภาษาอังกฤษเป็นหลัก และอธิบายอีกนิดคือคุณภาพของเว็บในโฮสที่เราเลือกอย่างที่บอกหากในโฮสนั้นมีเว็บที่มีปัญหา เป็นแบล๊คลิสต์ แน่นอนว่าส่งผลกับเว็บและอันดับ SEO ของเราแน่นอนเพราะ Google จะมองว่าโฮสไม่มีคุณภาพ อันดับจะขึ้นยากเพราะมันมองภาพรวม ดังนั้นเราก็ต้องเช็คอีกว่าผู้ให้บริการโฮสนั้นมีเว็บไหนทีใช้บริการบ้างและอันดับเขาเป็นอย่างไร มันก็เหมือนปลาเน่าตัวเดียวก็เน่าทั้งข้องประมาณนั้น

จากที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นมันก็ใช้ได้กับการเลือกโฮสทั้งแบบเสียเงินและฟรี สำหรับมือใหม่ก็อย่างทีแนะนำลองของฟรีกันสักหน่อยพอให้รู้แนวทางและไม่เสียเงินมาก พอได้วิธีได้แนวทางแล้วก็มาหาโฮสดีๆ ยอมทุ่มทุนกันหน่อยซึ่งติดตามกันให้ดีๆ เรามีรีวิวโฮสดีๆน่าสนใจมาแนะนำและเป็นโฮสคุณภาพที่ได้รับการยอมรับจากคนทำ SEO มืออาชีพรับรองว่ามือใหม่จะได้ความรู้แน่นอน หรือคนที่สนใจด้านนี้เข้ามาเก็บข้อมูลดีๆกันได้เลย ไม่ว่าจะเป็นแนวทางการทำ SEO ประสบการณ์ เรื่องราวน่าสนใจต่างๆ เว็บไซด์ของเรามีนำเสนอให้อ่านกันประจำ และอย่าพลาดติดตามทุกเรื่องของ SEO ได้ที่นี่มีอะไรดีๆว่าที่คิดไว้เยอะแน่นอน

BACKLINKS กับเรื่องควรรู้

เรื่องแหล่งลิ้ง ไม่ใช่คำตอบเดียวของการทำอันดับ

ทุกครั้งหรือบ่อยครั้งที่เราได้มีการพูดคุยกับคนที่มีอาชีพรับทำอันดับเว็บไซต์ให้ติดหน้าแรกของเสิร์ชเอนจิ้นค่ายต่างๆ ก็มักจะพบว่าร้อยละ 80% จะให้ความสำคัญไปในส่วนของแบคลิ้งค์ ทำไมถึงเป็นแบบนั้น…

เนื่องมาจากว่าตัวเว็บไซต์ของแต่ละคนสามารถปรับเปลี่ยนได้แค่ระดับหนึ่งเท่านั้นไม่สามารถแต่ขยายอะไรได้มากมาย ไม่เช่นนั้นคงสร้างเว็บจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิงทำให้บริหารจัดการยาก คนส่วนมากจึงคิดแบบง่ายง่ายว่าใช้วิธีตัดปัญหาให้มาเล่นในส่วนของออฟเพจแทน และออฟเพจที่หลายคนเข้าใจก็คือเรื่องของแบคลิ้งค์นั่นเอง

แท้จริงนั้นมันยังมีในเรื่องของพฤติกรรมผู้ใช้อีกด้วยที่มีความสำคัญอย่างมากต่อการจัดอันดับการค้นหา เราเคยได้ลองสังเกตไหมว่าเว็บไซต์ไหนที่มักจะมีคนนิยมเล่น มีคนเข้าหาเว็บโดยตรง และมีการเข้าชมเป็นเวลานาน มักจะมีอันดับได้ง่ายกว่าเพราะพฤติกรรมผู้ใช้ให้ความไว้วางใจในเว็บเหล่านั้น Google สามารถอ่านข้อมูลเหล่านี้ได้ อย่างน้อยก็สามารถดูได้ว่าพฤติกรรมผู้ใช้มักจะมีการคลิกไปที่เว็บไซต์ไหนใน 10 อันดับหน้าแรกของผลการค้นหาเป็นพิเศษ ไม่ใช่ว่าอันดับหนึ่งจะต้องมีคนคิดเยอะเสมอไป นอกจากนี้อาจจะมีการเก็บสถิติจากการพิมพ์ชื่อเว็บไซต์แล้วเข้าไปโดยตรงอีกด้วย

ใส่ใจทั้งตัวเว็บและแบคลิ้งให้เท่าเทียม

ข้อมูลเหล่านี้มีความจำเป็น หากเราสร้างเว็บไซต์ที่มีคุณภาพและมีประโยชน์ การหาแหล่ง Backlinks เข้ามายังเว็บเราจำนวนไม่มากก็อาจจะแซงเว็บไซต์ที่มีแหล่งปริมาณมหาศาลและคุณภาพลิ้งค์สูงได้โดยไม่ยากนัก ถ้าไม่เชื่อก็ลองค้นหาพวกคีย์คู่แข่งสูงสูงดู แล้วดูว่า TOP สามที่ติดอันดับของคำค้นหาเหล่านั้น ทุกเว็บมีลิ้งค์ขาเข้าเยอะและมีคุณภาพสูงหมดทุกเว็บเลยหรือไม่ รับรองว่าไม่ใช่เราจึงควรใส่ใจเรื่องของคุณภาพภายในเว็บไซต์ของเราเองให้มากด้วยเช่นกัน

Bad Backlinks

“โดนยิงลิงค์เข้าเว็บ” เรื่องสุดปวดหัวของนักทำ SEO ทุกสมัย

ต่อให้เราจะเก่งแค่ไหนก็ไม่อาจหลีกหนีเหตุการณ์โดนสแปมลิงค์ไปได้ ยิ่งหากว่าเว็บไซต์ของเราติดอันดับในคีย์เวิร์ดที่มีการแข่งขันสูง ความเสี่ยงที่จะโดนยิงลิงค์ก็มีสูงขึ้นเรื่อยๆ เพราะมันเป็นความคิดที่จะทำการแย่งชิงอันดับที่รวดเร็วกว่าและใช้จำนวนเงินลงทุนน้อยกว่า ในเมื่อทำอันดับแซงหน้าไม่ได้ ก็ใช้วิธีให้เว็บที่ติดอันดับถอยหลังลงคลองด้วยวิธีการสแปมลิงค์นั้นเอง หากเรามีนิสัยชอบส่อง Off Page คู่แข่งในคีย์เวิร์ดที่มีการแข่งขันสูง ก็อาจจะเจอจำนวนลิงค์เข้ามามหาศาล บางคนอาจดูเยอะจนเข้าใจผิดว่า ที่เว็บติดอันดับติดๆนั้นคงเพราะเน้นลิงค์จากกลุ่มสแปมมาใช้งาน ซึ่งตามจริงแล้วมันไม่ใช่

ทำไมเว็บโดนสแปมแล้วอันดับยังไม่ร่วง

นี่ก็เป็นอีก 1 คำถามที่น่าสนใจ ทำไมเว็บที่โดนยิงลิงค์เยอะๆแล้วอันดับยังนิ่งดีอยู่ ข้อนี้ถือว่าน่าสนใจ ทั้งๆที่เป็นคีย์เวิร์ดใหญ่แล้วยังมีอันดับดีทั้งๆที่มีลิงค์ขยะเข้ามาจำนวนมาก แท้จริงเรื่องนี้มันมีวิธีแก้อยู่ นั่นคือการแอดเว็บไซต์ของเราเข้าไปที่ Google Search Console ทางระบบจะแสดงข้อมูลแหล่งลิงค์ขาเข้าจำนวนมากให้เจ้าของเว็บได้ทราบ เราก็เพียงทำการ Disallow Links ออกไปสำหรับพวกลิงค์ขยะที่เราไม่ได้เป็นคนทำ แต่โดนคู่แข่งใจดีสแปมเข้ามาให้ โดยเฉพาะคีย์แข่งขัน 928Bet นี่มียิงกันเป็นว่าเล่นประจำเลยนี่ก็จะเป็นการแก้ปัญหาได้ดีที่สุด เราคงไม่อาจที่จะเข้าไปยังแหล่งลิงค์ทีละอันแล้วหาวิธีลบได้แน่นอน แต่ก็อย่างว่า ความคิดของนักทำ SEO บางคนก็จะคิดว่าการทำ SEO ด้วยการแอดเว็บเข้า Google Search Console มันจะเป็นการให้ Google รู้ข้อมูล PBN ได้ง่ายขึ้น ข้อนี้มันเป็นความจริง แต่วิธีแก้ก็ง่ายนิดเดียว แค่เรารู้จักสร้าง Network ส่วนตัวไม่ให้มันเป็นแหล่งเนื้อหาขยะ ทำให้มันเป็น Blog ที่มีเนื้อหาเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านอย่างแท้จริง เพียงแค่นี้ก็ไม่โดนแล้ว เพราะไม่มีสามารถอะไรที่จะต้องโดน Google ย่อมชอบเว็บที่มีเนื้อหาเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้งาน

Off Page SEO Backlinks

SEO Offpage สมัยนี้ เน้น Backlinks น้อยต่อยหนักสถานเดียว

ต้องบอกตามตรงว่ามันหมดยุคไปแล้วสำหรับการเล่นสแปมลิ้งหรือเน้นจำนวนลิงค์ปริมาณมากๆจาก เว็บ 2.0 ฟรีก็ตาม หรือจากเว็บประกาศฟรีต่างๆก็ตาม โดยเฉพาะพวกโปรแกรมสแปมเว็บบอร์ดยิ่งไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวอะไรด้วยซ้ำเพราะมีโอกาสที่เว็บดีๆจะดันอันดับได้ยากกว่าเดิม ต้องมานั่งแก้ลิ้งค์เสียจำนวนมาก เหนื่อยและเสียเวลาฟรี สู้เอาเงินไปจ้างทำ SEO ให้มืออาชีพเขาทำอาจจะยังคุ้มกว่าเมื่อเทียบกับเวลาที่เสียไป ทีนี้ สำหรับนัก SEO ที่รับงาน การที่เราจะทำอันดับในสมัยนี้จำเป็นที่ต้องเปลี่ยนความคิดกระบวนการทำงานแบบเดิมๆ ให้สอดคล้องกับอัลกอริทึ่มที่เปลี่ยนแปลงไปด้วย ยกนี้ไม่จำเป็นต้องออกแรงเยอะเหมือนเมื่อก่อน เพียงแต่จำเป็นต้องคัดกรองเรื่องคุณภาพทแบคลิงค์ที่ส่งเข้ามา หากมีลิงค์น้อยแต่มาจากเว็บไซต์คุณภาพ โอกาสที่จะทำอันดับยังง่ายกว่าวิธีการเดิมๆเสียด้วยซ้ำ

การหาลิ้งคุณภาพเข้ามายังเว็บไซต์ทำงานของเราสมัยนี้ มีวิธีหลักๆอยู่สองทางด้วยกัน วิธีแรกก็คือการไปซื้อบทความตามเว็บไซต์คุณภาพสูง ที่มีคนเข้าเว็บเยอะอยู่แล้วอย่างเช่นเว็บกลุ่มพวกความงามข่าวสารต่างๆแนว How to ที่มีการรีวิวสินค้าเกิดขึ้น เพียงแค่เราส่งบทความให้เค้าลองไปโพสในเว็บและทำลิ้งย้อนกลับกลับมาที่เว็บไซต์ของเรา จ่ายค่าโพสต์ให้เค้าไป มีค่าโพสตั้งแต่ราคาหลักร้อยถึงหลักพันเป็นส่วนใหญ่ ยิ่งมีคุณภาพสูง ราคาก็จะสูงตามไปด้วย วิธีนี้จะไม่ต้องเสียเวลามานั่งทำเว็บไซต์เน็ตเวิร์คด้วยตัวเอง ไม่ต้องเสียเวลานั่งอ่านบทความจำนวนมาก ซึ่งทั้งเหนื่อยและมีการใช้งานลงทุนค่อนข้างสูง

นอกจากนี้ หากในเว็บของเรามีคุณภาพสูงก็อาจจะสามารถหาทราฟฟิคเข้าเว็บไซต์ได้อีกหนึ่งช่องทาง เรียกว่าเป็นการกินกำไรสองต่อ และในเรื่องของการสร้างเน็ตเวิร์คที่พูดมาข้างต้นก็คือแหล่งแบคลิ้งคุณภาพในรูปแบบที่สองนั่นเอง เพียงแต่การสร้าง PBN จะต้องมีการลงทุนค่อนข้างสูง ทั้งในเรื่องของการจดโดเมนมาทำเป็นบล็อกเกอร์เล็กๆหรือการหาคอนเทนต์ต่างๆมายัดใส่เว็บไซต์รวมไปถึงการควบคุมผลลัพธ์ภาพของลิงค์ ยิ่งไปกว่านั้นหากต้องการให้ PBN ของเรามีคุณภาพ ก็จำเป็นที่จะต้องหาแหล่งแบคลิงค์เข้ามายังเน็ตเวิร์คของเราด้วย

หากใครมีเวลาเหลือเฟือและอยากควบคุมจำนวนลิ้งเองได้ทั้งหมด แนะนำให้รู้จักการจดโดเมนสร้างในบล็อกส่วนตัวมาดีกว่า เพราะมันไม่ได้มีใช้ได้แค่เพียงเว็บไซต์ทำเงินของเราเว็บเดียวเท่านั้น มันยังสามารถใช้ได้อีกหลายเว็บหากเรารู้จักบริหารจัดการเรื่องปริมาณลิงค์ออกของแต่ละเน็ตเวิร์คได้เป็นอย่างดี ตรงกันข้ามกับการไปเช่าซื้อลิงค์บทความ ที่สามารถติดลิ้งได้เพียงแค่แป๊บเดียวเท่านั้นและยังต้องจ่ายเป็นรายเดือนเดือนรายปีอีกด้วย แต่มันก็จะมีข้อดีตรงที่หาเรื่องค่าใช้จ่ายของการสร้างเน็ตเวิร์คส่วนตัวกับจำนวนลิงค์ที่เช่าซื้อ ในเรื่องของการเช่าจะมีต้นทุนที่ถูกกว่าใครทำไม่กี่เว็บไซต์ก็แนะนำเช่าลิ้ง หากใครทำหลายเว็บไซต์ ก็แนะนำลงทุนสร้างเน็ตเวิร์ค แล้วแต่เราชอบถนัดการใช้งานแบบไหน

Pyramid Links

ทำความรู้จักกับพีระมิดลิงค์

หากใครคนไหนเคยได้ยินเรื่องการทำลิงค์เป็นชั้นมาบ้าง อาจจะมีความสงสัยคาใจในหลายข้อเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทำไมเราต้องทำลิงค์เป็นชั้น ? ผลดีผลเสียมีอะไรบ้าง ? ไม่ว่าจะเป็นผู้ให้บริการ SEO ประเทศไหนย่อมต้องรู้จักเรื่องพีระมิดลิงค์เป็นอย่างดี เพราะในอดีตมันเคยเป็นวิธีการทำที่ส่งผลให้การทำอันดับเว็บไซต์ง่ายขึ้นราวกับว่าเราสามารถกำหนดอันดับหนึ่งได้ด้วยมือของเราเอง ถึงแม้ว่าปัจจุบันวิธีการนี้จะใช้ไม่ค่อยได้ผลดีเท่าเมื่อก่อน แต่ก็ควรศึกษาไว้เป็นความรู้ติดตัว เผื่อเราอาจจะพลิกแพลงเกิดการทำวิธีรูปแบบใหม่เกี่ยวกับ SEO ก็เป็นได้

แนวคิดของการทำ Link Pyramid

ช่วงนี้การทำ SEO ได้รับความนิยมอย่างมากในอดีตที่ผ่านมาก่อนจะมีพวก Social ต่างๆโผล่ขึ้นมาให้เล่น ได้มีนัก SEO หลายคนที่พยายามจะค้นหาวิธีการทำอันดับในรูปแบบใหม่ๆที่สามารถทำอันดับได้ดีกว่าวิธีพื้นฐานทั่วไปที่คนส่วนใหญ่นิยมใช้ทำอันดับ ใครๆก็ย่อมอยากมีวิธีลัดที่จะย่นระยะเวลาลงไป จนในทุกสุดก็เกิดแนวคิดวิธีการทำแบบสุดโต่งขึ้นมานั้นคือ “Link Wheel” มันเป็นการเชื่อมโยงจะแต่ลิงค์ให้ต่อกันเป็นวงจร และ 1 ลิงค์ก็จะใช้ 1 โดเมน เชื่อมวนหากัน จากเว็บ 1 ไปเว็บ 2 และจากเว็บ 2 ไปเว็บ 3 วนไปแบบนี้จนเว็บสุดท้ายจะวนมาจบที่เว็บ 1 เพื่อให้เกิดเป็นวงจรลิงค์ย่อย และในแต่ละโดเมนที่ทำลิงค์เชื่อมหากัน จะมีลิงค์มายังเว็บไซต์ทำเงินของเราด้วย โดยไม่จำกัดว่ารูปแบบของลิงค์จะทำเป็นลิงค์แบบ URL โดยตรงอย่างเช่น หรือจะเป็นการทำผ่าน Text Link ก็ตาม สำคัญที่สุดคือมันต้องเป็น Dofollow ทั้งหมดเพื่อให้บอทไต่ผ่านได้ตลอด แนวคิดนี้มาจากการเกิดมุมมองที่ว่า หากแต่ละ Backlinks ของเว็บไซต์เรา มีการถ่ายโอนค่าคะแนนของแต่ละโดเมนเข้าหากันโดยเป็นในรูปแบบวงจร มันจะช่วยให้การทำอันดับดีขึ้น และในช่วงนั้นมันก็เป็นผลดีจริงๆ มีแค่ 10 โดเมนเอามาทำลิงค์วิวแล้วแต่ละโดเมนโยงลิงค์เข้าหาเว็บไซต์ทำเงิน อันดับจะดีขึ้นอย่างน่าตกใจ

วิธีนี้ก็ถูกเผยแพร่บอกต่อในวงการ SEO เป็นวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุด Google ก็ลงดาบเว็บไซต์ที่ทำลิงค์วิวเกือบทั้งหมด ( คืออาจจะมีบางเว็บรอดไปบ้าง ) โดยการอัพเดทอัลกอริทึ่มให้ตรวจสอบและตบเว็บไซต์ที่ใช้วิธีนี้ให้ร่วงระนาวจากอันดับการค้นหา เพราะมันเป็นการทำลิงค์ด้วยตัวเองแบบส่งต่อพลัง Google ไม่มีนโยบายอยากให้เจ้าของเว็บทำลิงค์เข้าหาเว็บตัวเองมากๆ ที่อยากได้คือให้แต่ละเว็บไซต์มีการให้เครดิตกลับมาเองตามธรรมชาติ ไม่ใช่สร้างลิงค์ย้อนกลับเอง ถึงแม้ว่าทุกวันนี้เราก็จะยังคงทำลิงค์กันเองอยู่ก็ตาม แต่ลิงค์วิวเป็นรูปแบบที่อัลกอริทึ่มตรวจสอบได้ง่ายมาก เพราะทุกลิงค์มันเชื่อมกันเป็นวงจรชัดเจน หากมีลิงค์ใดลิงค์หนึ่งขาดไป การทำก็จะหมดความหมายเพราะมันไม่ได้ส่งต่อพลังลิงค์ถึงกันนั่นเอง คนที่รับทำ SEO ก็ต่างพากันเสาะหาวิธีใหม่ๆ จนในที่สุดและก็เริ่มเข้าสู่ยุคของลิงค์พีระมิด

พีระมิดลิงค์ได้รับความนิยมจนถึงปัจจุบัน

เมื่อลิงค์วิวทำไม่ได้แล้ว แต่การส่งต่อพลังลิงค์ยังคงทำได้ผลดี ก็เลยเกิดแนวคิดที่ว่า ถ้าเราทำลิงค์ออกมาเป็นชั้นๆในทรงพีระมิดแทนการทำลิงค์วิว ก็อาจจะได้ผล และมันก็เป็นจริงอีกครั้ง แต่อาจไม่ได้แรงเท่าลิงค์วิวในตอนนั้น รูปแบบโครงสร้างลิงค์วิธีนี้จะแบ่งออกเป็นชั้น โดยชั้นแรก จะเป็นการทำลิงค์ย้อนกลับจากโดเมนคุณภาพ ทำน้อยๆ เน้นคุณภาพล้วนๆในแต่ละลิงค์ และจะยิงเข้าเว็บไซต์ทำเงินของเราโดยตรง เพื่อให้มันเป็นไปตามหลักของการสร้าง Backlinks คุณภาพดี แต่ในชั้นถัดมา จะเป็นการสแปมลิงค์ปริมาณมหาศาลเข้าไปยังพวกโดเมนชั้นแรกทั้งหมด โดยแนวคิดก็คล้ายๆกันกับลิงค์วิว คือการส่งต่อค่าพลังของลิงค์ โดยจะไม่มีการโยงจนครบวง แต่เป็นการเน้นปริมาณของลิงค์ที่ยิงเข้ามากกว่า ถ้าเป็นลิงค์วิวจะส่งพลังมาแบบ 1 ต่อ 1 เหมือนเอาท่อมาต่อกัน แต่ถ้าพีระมิดจะเป็นการเอา 10 หรือ 100 มาต่อ 1 ยัดพลังลิงค์เข้าไปจำนวนมากในแต่ละโดเมน

หากวิธีการส่งต่อค่าพลังยังคงสามารถใช้ได้ การทำพีระมิดลิงค์ก็ถือเป็นทางออกของเหล่า SEO ที่ผิดหวังจากการทำลิงค์วิวมา บางคนจะมีการทำเป็น 3-4 ชั้นพีระมิดเลย คือชั้นที่ 3 สแปมเข้าชั้นที่ 2 ส่วนชั้นที่ 4 ก็สแปมลิงค์เข้าชั้นที่ 3 ยิ่งทำชั้นเยอะก็เหมือนยิ่งส่งต่อพลังลิงค์ได้เยอะขึ้น และก็เช่นเดิม การส่งพลัง Backlinks จะส่งผ่านการทำลิงค์ในรูปแบบ URL ตรงๆหรือผ่าน Text Link ก็ได้ เช่น ผลบอลวันนี้ ผลฟุตบอล เกมส์ออนไลน์ ขอแต่ว่าต้องเป็น Dofollow Links เท่านั้น เพื่อให้บอทไต่ผ่านมาได้ แต่จุดบอดคือ วิธีการทำพีระมิดลิงค์แบบหลายๆชั้น จะค่อนข้างยากในการตรวจสอบว่าแต่ละลิงค์ในชั้นที่ 2-3 มีลิงค์ตายไปแล้วบ้างไหม เพราะเราส่งลิงค์เข้ามาจากหลายร้อยหลายพันโดเมนเลย หากชั้น 2-3 มันมีบางลิงค์ที่เว็บล่มหรือปิดตัวไป ไม่ก็อาจจะเป็นการส่งต่อในแบบ Nofollow ซึ่งบอทจะไม่ตามข้อมูลไปยังลิงค์ปลายทาง ชั้นล่างถัดไปที่มีการสแปมลิงค์เข้ามาก็จะไม่ส่งต่อพลังไปถึงชั้นที่ 1 และเว็บทำเงินของเรา กลายเป็นเสียเวลาปล่าว ชั้นที่เรากรองคุณภาพเองและตรวจสอบอยู่เสมอมักจะเป็นชั้นที่ 1 เท่านั้น ส่วนชั้นอื่นมักใช้เครื่องมือช่วยสร้างลิงค์กันซะมากกว่า นอกจากนี้ยังเปลืองทรัพยากรเครื่องเซิฟเวอร์ด้วย

และในที่สุดวิธีนี้ก็แพร่หลายมาจนถึงปัจจุบัน Google เองก็ลดค่าความสำคัญของการทำพีระมิดไปเยอะพอสมควรแล้ว แต่จะไม่ค่อยได้แบนสักเท่าไหร่เพราะมันอาจเป็นการแบนสุ่มสี่สุ่มห้าไปโดนเว็บคุณภาพได้เหมือนกัน เลยใช้วิธีลดความสำคัญของเรื่องการส่งต่อพลังของลิงค์แทน หากใครทำลิงค์พีระมิดตอนนี้ก็อาจได้ผลอยู่บ้างแต่ไม่ดีเท่าที่ควร ที่สำคัญคือวิธีนี้มีต้นทุนพอสมควรในขั้นตอนการสแปมลิงค์เข้าเป็นชั้นๆ ก็ต้องลองคำนวนค่าใช้จ่ายให้ดี บางทีเอาไปซื้อโดเมนสร้างเน็ตเวิร์คส่วนตัวแล้วดูแลให้แต่ละโดเมนเป็นเว็บคุณภาพไปเลยดีกว่า ใครที่คิดจะลองทำก็ลองสร้างเว็บใหม่แล้วทำดูได้เช่นกัน แต่ไม่ควรทำไปยังเว็บทำเงินหลักของเราในทันที เอาไปทดสอบในเว็บลองของให้มั่นใจก่อนค่อยลุยน่าจะดีกว่า

SEO On Page และ SEO Off Page

วิเคราะห์ SEO On Page และ SEO Off Page ในเว็บไซต์คู่แข่ง

ในศึกสงคราม SEO เราจำเป็นต้องทำการบ้านอย่างหนัก เพื่อที่จะหาวิธีหรือเทคนิคในการทำให้เว็บไซต์ของเรา ไต่ขึ้นไปเป็น Top 1 ในคีย์เวิร์ดที่ต้องการ ยิ่งคำค้นหาที่มีปริมาณคู่แข่งสูง เราก็ยิ่งทำได้ลำบากขึ้น ความเหนื่อยในการทุ่มเทก็ต้องมากขึ้นเป็นเท่าตัว นอกจากเราจะต้องเหนื่อยในการเขียนเนื้อหาให้ถูกใจผู้ใช้งานแล้ว ยังต้องมานั่งลองผิดลองถูกกับการปรับแต่งหน้าเว็บไซต์ให้ถูกใจ Search Engine เสียอีกด้วย มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะรู้ว่าการทำแบบไหน Search Engine ถึงจะชอบที่สุด ไม่ค่อยมีใครออกมาบอกเรื่องนี้ คนที่ออกมาบอกกล่าว ส่วนใหญ่ก็จะเป็นนักทำ SEO อย่างเราๆนี่แหละ แต่นั่นก็หมายความว่า ข้อมูลที่เขาได้ออกมาบอกกล่าวเพื่อนๆในวงการ SEO เดียวกัน มันมาจากมุมมองของเขาแต่เพียงผู้เดียว ไม่ใช้ข้อเท็จจริงที่ออกจากปากผู้ให้บริการ Search Engine ตราบที่เรายังอยากขึ้นแท่นอันดับหนึ่งในวงการนี้ สิ่งที่เราทำได้ก็คงเป็นเพียงการที่ต้องรู้จักทดลองให้มากขึ้น เพื่อที่จะนำผลของการทดลองวิธีต่างๆไปทำสถิติ แล้วเลือกมาใช้จริงเฉพาะวิธีทำที่มีผลเชิงบวกต่ออันดับเท่านั้น

จะดีกว่าไหม.. ถ้ารู้ว่าคู่แข่งที่ติดอันดับหน้าแรก เขาทำ SEO วิธีไหนบ้าง

หากเรารู้ว่าคู่แข่งของเราทำอะไรมาก่อนบ้าง เว็บถึงได้มาติดหน้าแรกของผลการค้นหา ย่อมเป็นการประหยัดเวลาไปได้เยอะ เหมือนเรากำลังพยายามสาวไส้หาความลับในธุรกิจของเขาเลยก็ว่าได้ โชคดีที่การทำ SEO นั้น ทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกันทั้งหมด สำหรับในเรื่องของ SEO On Page เราสามารถดูโครงสร้างของเว็บคู่แข่งได้ง่ายมาก แค่เข้าเว็บเป้าหมายแล้วทำการดู Source Code ว่ามีลูกเล่นอะไรบ้างที่นำมาแสดงผล การปรับแต่งหน้าเว็บ มีการเน้นคีย์เวิร์ดส่วนไหน แล้วหากเข้าดูเว็บเป้าหมายของเราผ่านมือถือ การแสดงผลจะยังคงถูกต้องชัดเจนหรือไม่ ถ้าเรื่องสืบข้อมูลการทำในส่วนของ On Page เราทุกคนทำกันได้ง่าย สำหรับข้อมูล Code โครงสร้างเว็บที่เราเห็นทั้งหมด บอทที่เข้ามาเก็บก็จะเห็นเช่นเดียวกับเรา หากเว็บคู่แข่งมีอันดับดี เราก็เพียงปรับเว็บไซต์ของเราให้ใกล้เคียงกับเว็บไซต์คู่แข่ง

แต่ถ้าเอาตามความเหมาะสม ก็ไม่ต้องไป Copy ทุกอย่างของเขามาทั้งหมด ดูไว้เป็นแนวทางก็พอ แล้วนำมาประยุกต์กับเว็บของเรา อย่างเช่นเว็บเป้าหมายมีการใช้เวิร์ดเพลสเป็นตัวขับเคลื่อน มีการใช้ธีมแพงๆมาลงที่หน้าเว็บ มีเนื้อหายาวเกือบ 2 หน้ากระดาษ A4 ในหน้าแรกของเว็บไซต์ หากเราดูแล้วว่าคู่แข่งทำมาแบบนี้ ถ้าเว็บของเราใช้ CMS อื่นเป็นตัวขับเคลื่อนและหากมันยังดีอยู่ เราไม่จำเป็นต้องไปลบเว็บทำใหม่แล้วใช้เวิร์ดเพลสบวกธีมแพงๆเหมือนกับเว็บคู่แข่ง แค่วิเคราะห์ว่าในการเข้าชมเว็บไซต์ของเรา โครงสร้างมันดูซับซ้อนหรือไม่ ปกติแล้วเว็บที่ติดอันดับหน้าแรกของผลการค้นหา โครงสร้างเว็บจะเป็นแบบเรียบง่ายและรองรับทุกอุปกรณ์การเข้าถึง เราก็เอาจุดนี้มาใช้กับเว็บเราก็พอ ไม่ต้องไปลบเว็บทำใหม่ตามคนอื่นไปซะหมด ผู้ให้บริการ Search Engine อย่าง Google เองก็เคยออกมาพูดในเรื่อง SEO On Page ว่าเว็บที่มีโครงสร้างซับซ้อนจนเกินไป บอทจะเข้าเก็บข้อมูลได้ยาก ผลลัพธ์ในเรื่องของอันดับ SEO จึงไม่ดีเท่าเว็บที่มีโครงสร้างง่ายๆ

ข้อมูลที่ทางกูเกิ้ลออกมาบอกนี้ มีบางคนเห็นต่างกัน บางคนบอกว่า Google ออกมาหลอกให้เราตายใจ เว็บที่มีลูกเล่นเยอะย่อมเป็นการแสดงให้เห็นว่าเว็บเหล่านี้น่าสนใจกว่าเว็บที่มีแต่ความเรียบง่าย เราลองมาพิสูจน์ดูกันเองก็ได้ ลองค้นหาคีย์เวิร์ดสัก 2-3 คำ ยกตัวอย่างสักคีย์เวิร์ดคือ w88 ลองไล่ 10 อันดับแรกที่ติดในคีย์เวิร์ดนี้ดูสิ ดูว่าเว็บที่ติดอันดับมีใส่แฟลชเยอะ หรือแต่งเว็บเทพโครตเทพเลยหรือปล่าว ส่วนใหญ่เกิน 8 ใน 10 จะเป็นเว็บง่ายๆ เหมือน Blog ทั่วไป หรือเป็นแบบเว็บหน้าเดียวเลยก็มี ทั้งๆที่ w88 ถือเป็นคำค้นหาที่มีการแข่งขันสูงอยู่ไม่น้อย เพราะเป็นคีย์ทำเงินในหมวดการพนัน เราทราบข้อมูลแล้วก็ให้ลดความรู้สึกส่วนตัวลงสักหน่อย แล้วใช้สถิติที่พิสูจน์ได้มาประยุกต์ใช้กับเว็บของเรา เราไม่จำเป็นต้องเก่งเรื่องภาษาเว็บ เอาแค่พอปรับแต่งให้มันดูเรียบง่ายแล้วเป็นมิตรกับผู้ที่เข้ามาใช้งานก็พอ

ส่องกองทัพของคู่แข่งจากการวิเคราะห์ SEO Off Page

มันไม่ง่ายเลยที่เราจะรู้ว่าคู่แข่งทำอะไรในส่วนของ Off Page ทั้งหมด ถึงแม้ว่าปัจจุบันจะมีเว็บไซต์ที่ให้บริการวิเคราะห์เว็บในเรื่องของ Off Page อย่างละเอียดมาก แต่ข้อมูลที่แต่ละเว็บมีคือข้อมูลที่ Robot ของเว็บนั้นๆไปเก็บข้อมูลมาได้ ไม่ใช่ Robot ของเว็บค้นหาข้อมูลแต่ละแห่ง อย่างไรก็ตาม มันก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรให้เข้าดูเลย สำหรับคนที่อยากเข้าส่อง SEO Off Page ในเว็บคู่แข่งของเรา เว็บเครื่องมือวิเคราะห์ยอดนิยมในเวลานี้ คงจะหนีไม่พ้น 2 เว็บดังอย่าง Ahrefs.com และก็ Majestic.com

ทั้ง 2 เว็บนี้เปิดให้บริการคิดแบบรายเดือน แต่ก็สามารถใช้ฟรีได้บางส่วน โดยจะมีลิมิตจำนวนค้นหาแต่ละวันถ้าในส่วนของการใช้ฟรี จุดเด่นที่ทำให้ 2 เว็บไซต์นี้ได้รับความนิยม คงเป็นเพราะ Robot ที่มีจำนวนมากและขยันออกไปเก็บข้อมูลอยู่ทั่วโลกอินเตอร์เน็ต ยิ่งบอทมีเยอะเท่าไหร่ ก็เก็บข้อมูลมาส่งได้มากเท่านั้น ทำให้ฐานข้อมูลประวัติของแต่ละเว็บมีการแสดงผลออกมาได้ละเอียดกว่าเว็บอื่น เช่นเว็บ A มีการทำ Backlinks จริงไปสัก 100 เว็บ บอทของเว็บ Ahrefs อาจจะเก็บข้อมูลมาได้สัก 50-70 เว็บ ส่วน Majestic อาจเก็บมาได้ 40-50 เว็บ แบบนี้เป็นต้น ถึงโดยเฉลี่ยจะไม่สามารถเก็บมาได้ทั้งหมด แต่ก็มากกว่าเว็บที่ให้บริการวิเคราะห์ SEO Off Page เจ้าอื่น ทีนี้ ที่ได้บอกไปก่อนหน้าแล้วว่า บอทที่เก็บข้อมูลมาโชว์เราไม่ใช่บอทของเว็บ Search Engine ดังนั้นข้อมูลที่บอท Search Engine เก็บได้อาจจะต่างกันออกไปอยู่บ้างเล็กน้อย แต่เราไม่จำเป็นต้องไปรู้หมดทุกส่วนก็ได้ เอาแค่วิเคราะห์เว็บคู่แข่งคร่าวๆก็พอ

สำหรับข้อมูลที่จะนำมาแสดงให้เราทราบ จะมีทั้งจำนวน Backlinks ที่บอทเว็บไซต์เหล่านี้เก็บมาได้ มาจากกี่โดเมน ถ้ามองเป็นหมายเลข IP จะมีทั้งหมดกี่ IP ข้อความที่ถูกทำเป็นลิงค์ ประเทศของผู้ใช้ที่เข้าชมมากที่สุด จำนวนการแชร์ของแต่ละ Social ชื่อดัง และอีกมากมายเลย แค่ข้อมูลเหล่านี้มันก็มากพอสำหรับการวิเคราะห์เว็บคู่แข่งเพื่อจะใช้เป็นแนวทางแล้ว จริงๆยังมีเว็บวิเคราะห์ SEO Off Page ที่เจ๋งอีกหลายเว็บมาก ที่อาจไม่ได้รายงานเรื่อง Backlinks อย่างละเอียด แต่จะเน้นการวิเคราะห์ในส่วนอื่นแทน เพื่อนๆก็สามารถหาข้อมูลเพิ่มจากแหล่งเว็บบอร์ดที่เกี่ยวกับการทำ SEO หรือ Internet Marketing ทั้งของไทยและต่างประเทศได้ หรือถ้ามีโอกาสก็จะนำมาฝากเพื่อนๆเพิ่มเติมให้อีกในภายหลัง