ทำเว็บแบบนี้ ต่อให้ SEO ดี ก็ไม่เกิดแน่ ๆ

ทำเว็บแบบนี้ ต่อให้ SEO ดี ก็ไม่เกิดแน่ ๆ

การทำ SEO ไม่ใช่แค่การทำให้หน้าเว็บของคุณติดอันดับเท่านั้น แต่ยังรวมถึงตัวเว็บเองต้องมีความเหมาะสมที่ทาง Google พิจารณาแล้วว่าควรค่าในการติดอันดับต้น ๆ ต่อไป อย่าแค่คิดว่าพอติดอันดับแล้วจะไม่มีวันหล่น เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่เริ่มปล่อยปละละเลย ไม่สนใจการทำ SEO อย่างถูกต้อง โอกาสที่เว็บของคุณจะร่วงหล่นและหายไปจากหน้าค้นหามีสูงมาก และนี่คือสิ่งที่บ่งบอกว่าอย่าทำเด็ดขาดหากไม่อยากให้เกิดผลดังที่กล่าวมา

สิ่งที่ไม่ควรทำในการทำเว็บไซต์

ปล่อยเว็บร้าง ไม่มีการอัปเดตใด ๆ ทั้งสิ้น : หลายเว็บพอเริ่มถึงจุดสูง ๆ เช่น ติดหน้าแรก Google เรียบร้อยก็มักปล่อยร้าง ไร้ความเคลื่อนไหวใด ๆ ทั้งสิ้นด้วยคิดว่ามันติดอันดับแล้วไม่ต้องทำอะไรก็ได้ แต่อย่าลืมว่ายังมีเว็บอื่น ๆ ที่เขาพร้อมอัปเดตตัวเองให้ก้าวเข้าสู่ตำแหน่งท้าชิงโดยตลอด ประกอบกับทาง Google เอง จะพิจารณาจากความสด ใหม่ ของเนื้อหาในเว็บเสมอ หากไม่มีการอัปเดตใด ๆ เป็นเวลานานก็ทำให้ตกอันดับได้

ก็อปปี้เนื้อหาและรูปภาพจากเว็บอื่นมาใช้งาน : ตรงนี้ถือเป็นสิ่งที่ห้ามกระทำอย่างยิ่ง ต่อให้มีเครดิตอ้างอิงที่มาก็ไม่ควรทำ เพราะถ้าเจ้าของผลงานเขามาเห็นเข้าก็มีสิทธิ์กดรายงาน เมื่อมีการรายงานแล้วถูกตรวจสอบว่าผิดจริง URL ของหน้านั้นจะหายไปรวมถึง URL หน้าเว็บไซต์ก็โดนแบนด้วยเช่นกัน คราวนี้ค้นหาให้ตายก็ไม่เจอแน่ ๆ

ทำสแปมกับตัวเว็บ : การทำเว็บที่มี backlink เพื่อให้ดึงกลับมาหน้าเว็บตนเอง หากนำเอาข้อความเดิม ๆ ซ้ำ ๆ ไปโพสต์เหมือนกันหมด จะกลายเป็นการทำสแปม เท่ากับว่าเหมือน Google มองเห็นความจงใจที่จะนำเสนอโฆษณาเพื่อให้ดึงกลับไปหน้าเว็บของตนเองอย่างเดียว โอกาสจะโดนแบนเพื่อไม่ให้ทำเรื่องดังกล่าวจึงเกิดขึ้นได้ง่าย เสียโอกาสในการทำโฆษณาไปอีก

ภาพเยอะเกินไป ใช้เวลาโหลดนาน : สังเกตง่าย ๆ ลองคิดเป็นตัวเราเว็บไหนที่ภาพโหลดช้า คนมักจะปิดหนีแล้วหาเว็บใหม่ ตรงนี้มันส่งผลโดยตรงเพราะมันเกิดอัตราการตีกลับ อันจะทำให้การถูกจัดอันดับของเว็บถดถอยลงไปเรื่อย ๆ ทางที่ดีคือ อย่าใส่ภาพหรือสิ่งใด ๆ ที่ทำให้ต้องกินเวลาโหลดนานเกินจำเป็น

ปล่อยให้โดนแฮ็ก : หากปล่อยให้เว็บโดนแฮ็กแล้วคนอื่นไม่สามารถเข้ามาใช้งานได้ พอ Google ตรวจสอบก็จะรู้ว่ามีปัญหาและกลายเป็นการส่งลิงก์แจ้งเตือนในการเข้าชม ตรงนี้ทำให้ยอดตกลงแน่ ๆ แม้จะทำ SEO ดีขนาดไหนก็ตาม

นี่เป็นแนวทางผิด ๆ ที่ควรรู้เกี่ยวกับการทำ SEO เพื่อให้หน้าเว็บของคุณติดอันดับ Google หากใครยังมีวิธีทำเว็บไซต์แบบนี้อยู่ ขอแนะนำว่าควรปรับปรุงเป็นวิธีใหม่ที่ถูกต้องโดยเร็ว จะเกิดผลดีที่สุด

สิ่งที่ไม่ควรทำในการทำเว็บไซต์

สิ่งที่ควรรู้ก่อนทำ SEO ให้เว็บไซต์เปิดใหม่

ปัจจุบันการซื้อขายสินค้าออนไลน์เป็นที่นิยมมากทั่วโลก ซึ่งเทคนิคการตลาดออนไลน์แบบ SEO เป็น หลักการที่ผู้เชี่ยวชาญทางการตลาดแนะนำไว้อย่างมากมาย ซึ่งหลายท่านที่เพิ่งทำธุรกิจในโลกออนไลน์อาจจะยังสงสัยว่า SEO มีข้อดีและข้อจำกัดอย่างไร เราจึงได้รวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจไว้ที่นี่ เพื่อให้นักธุรกิจออนไลน์คาดหวังผลจากการทำ SEO ได้อย่างเหมาะสม ดังนี้

การทำ SEO หรือ Search Engine Optimization เป็นการทำให้เว็บไซต์มีคุณภาพจากการพัฒนาให้เว็บไซต์ใช้งานได้ง่ายผ่านระบบคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะและโทรศัพท์มือถือ เมื่อลูกค้าเข้ามายังหน้าเว็บ สามารถเห็นหมวดหมู่ของสินค้าและบริการประเภทต่าง ๆ ที่ชัดเจน ไม่มีโฆษณามาสร้างความรำคาญมากเกินไป และยังรวมไปถึงการพัฒนาคุณภาพของบทความ SEO ในเว็บไซต์ ที่มีการเลือก Keyword จากการวิจัยว่าตรงกับการสืบค้นของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ทั้งเนื้อหาก็ต้องมีความทันสมัย ให้สาระและประโยชน์แก่ผู้อ่าน โดยไม่มีการคัดลอกที่ละเมิดลิขสิทธิ์ของเว็บไซต์อื่น ๆ

การทำ Backlink มีประโยชน์กับเว็บไซต์มาก

นอกจากนี้ ยังมีเทคนิคที่นิยมในปัจจุบัน คือ การทำ Backlink เพื่อเชื่อมโยงเว็บไซต์ภายนอกกับเว็บไซต์ของธุรกิจคุณเข้าด้วยกัน ทำให้เกิดการขยายกลุ่มลูกค้าได้อย่างกว้างขวาง โดยการที่คุณไปร่วมสนทนาในกลุ่มสนทนาตามเว็บบอร์ด เช่น Pantip แล้วแนบลิงก์เว็บไซต์ธุรกิจคุณไว้แก่ผู้ที่สนใจให้มาสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสินค้าที่คุณจำหน่ายในเว็บไซต์ของคุณ เช่น คุณจำหน่ายรองเท้ากีฬานำเข้าจากต่างประเทศ ก็ควรเข้าไปอยู่ในกลุ่มสนทนาที่รวมผู้ชอบออกกำลังกายไว้ด้วยกัน หากมีคนที่สนใจรองเท้าวิ่งนำเข้าของแท้ ซึ่งคุณมีบริการด้านนี้อยู่ในเว็บไซต์ คุณก็สามารถที่จะให้ลิงก์ไว้ได้โดยไม่เป็นการผิดกฎของสังคมออนไลน์นั้น ๆ

จะเห็นได้ว่า การทำ SEO จะช่วยให้ธุรกิจออนไลน์ของคุณมีโอกาสปรากฏสู่สายตากลุ่มเป้าหมายได้ดีขึ้น เป็นที่จดจำและทำให้มียอดขายที่ดีได้ตามมา ทั้งนี้ ในด้านของข้อจำกัดของ SEO ก็มี นั่นคือต้องใช้ระยะเวลาในการสะสมข้อมูลในระบบปฏิบัติการ เพื่อให้คอมพิวเตอร์อัจฉริยะ AI ของ Search Engine วิเคราะห์และประมวลผลอย่างสม่ำเสมอ อันดับของ SEO จึงไม่สามารถที่จะผูกขาดได้ คุณจึงจำเป็นจะต้องตื่นตัวและพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้อันดับ SEO ของคุณนั้นคงอยู่ในอันดับต้น ๆ มีศักยภาพในการแข่งขันกับบริษัทอื่น

การทำ SEO จึงไม่สามารถที่จะหวังผลได้ในระยะเวลาเพียงแค่ 2-3 สัปดาห์ โดยเฉพาะหากคุณเพิ่งเปิดเว็บไซต์ขึ้นมาใหม่ อีกทั้งยังมีข้อมูลในเว็บไซต์น้อย ก็จะต้องใช้ระยะเวลาอย่างน้อย 3 เดือนขึ้นไป เพื่อที่จะสะสมข้อมูลได้เพียงพอสำหรับการสร้างอันดับให้สูงขึ้นเรื่อย ๆ

การคาดหวังผลจากการทำ SEO เว็บไซต์เปิดใหม่ต้องอาศัยความอดทนและเข้าใจธรรมชาติของการทำ SEO จึงจะมีเป้าหมายที่เหมาะสมในการทำเว็บไซต์สำหรับธุรกิจ

การทำ Backlink มีประโยชน์กับเว็บไซต์มาก

ทำไมบางเว็บไซต์ทำ SEO แล้วยอดขายไม่เพิ่ม

การทำ SEO หรือ Search Engine Optimization เป็นวิธีการตลาดที่ได้รับความนิยมมากทั่วโลกในปัจจุบัน เนื่องจากกฎเกณฑ์ของ Yahoo, Bing และ Google จะช่วยในการคัดกรองคุณภาพของเว็บไซต์ หากสามารถทำตามมาตรฐานของ Search Engine เหล่านี้ได้ก็ย่อมทำให้อันดับในการสืบค้นสูงขึ้น และเพิ่มโอกาสในการขายสินค้ามากขึ้นตามไปด้วย

แต่บางเว็บไซต์ที่ทำ SEO แล้วก็ยังว่าไม่เพิ่มยอดขาย อาจเกิดจากความผิดพลาดในหลายจุด ซึ่งเราได้รวบรวมมาไว้ที่นี่แล้ว

1. เลือก Keyword ไม่เหมาะสม Keyword ที่ดีควรจะเลือกจากการวิเคราะห์ตามสถิติของ Search Engine ว่าคำที่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของธุรกิจคุณนิยมใช้คืออะไร เช่น หากคุณต้องการขาย สินค้าให้แก่ลูกค้าชาวจีน ก็ควรจะต้องเลือกใช้ Keyword ที่ชาวจีนนิยมใช้ใน Search Engine อย่าง Bing มากกว่า Yahoo, Bing และ Google เป็นต้น การใช้ Keyword ที่ไม่เหมาะสม จะทำให้บทความของคุณไม่ได้รับความสนใจจากผู้อ่านเท่าที่ควร จึงทำให้อันดับ SEO ไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นนั่นเอง

2. ขาดการเชื่อมโยง Backlink ที่มีประสิทธิภาพ การแนะนำบอกต่อเว็บไซต์ของคุณให้โลกออนไลน์รับรู้ เพื่อขยายฐานลูกค้า ควรจะต้องแสดงถึงภูมิรู้อย่างแท้จริงและมีความจริงใจในการให้ข้อมูล โดยการร่วมอยู่ในกลุ่มสนทนาต่าง ๆ เช่น Pantip หรือกลุ่มใน Facebook เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและให้ข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าและบริการอย่างถูกต้อง หากมีผู้ซักถามหรืออยากทราบข้อมูลเพิ่มเติม คุณจึงควรให้ลิงก์ไว้ เพื่อให้ผู้ที่สนใจคลิกเข้ามายังเว็บไซต์คุณ การที่ไปแปะลิงก์ โดยไม่ได้มีการพูดคุยหรือแสดงความจริงใจจะทำให้มีโอกาสถูกแบนหรือบล็อกจากห้องสนทนาเหล่านั้น และทำให้เกิดภาพลักษณ์ไม่ดีต่อแบรนด์ด้วย

3. ขาดประสบการณ์ในการเขียนบทความ โดยเฉพาะเทคนิคการเขียนที่ไม่เน้นการขายมากเกินไป แสดงข้อมูลที่ถูกต้อง เช่น หากคุณขายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ก็ควรให้ข้อมูลสเปคเครื่องแต่ละรุ่นที่ชัดเจน เปรียบเทียบข้อดีข้อด้อยได้อย่างเป็นกลาง จะทำให้ลูกค้ารู้สึกถึงความเป็นมืออาชีพและไว้วางใจเว็บไซต์ จนตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าจากเว็บไซต์คุณ

นอกจากเรื่องของเว็บไซต์แล้ว การมีบริการหลังการขายที่ดีและมี Chatbot ช่วยเหลือตอบคำถามผู้ใช้บริการเว็บไซต์อย่างรวดเร็ว จะเสริมภาพลักษณ์ที่ดีและสร้างความมั่นใจในการใช้บริการในระยะยาว โดยเฉพาะหากเป็นสินค้าที่อาจชำรุดหรือต้องเปลี่ยนอะไหล่หลังการใช้งานเป็นระยะ เช่น อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ของใช้ในครัวเรือน เป็นต้น

จะเห็นได้ว่าการทำ SEO ให้มีคุณภาพ เป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจในรายละเอียด และเลือกทีมงานที่มีความสามารถเฉพาะด้านเพื่อให้ได้ผลงานที่มีประสิทธิภาพมารวมกันให้เว็บไซต์คุณตรงใจกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ผู้ทำธุรกิจออนไลน์นำไปปรับใช้เพื่อให้การทำ SEO ประสบความสำเร็จได้ดียิ่งขึ้น

วิธีการตลาดที่ได้รับความนิยมมากทั่วโลกในปัจจุบัน