หลักการทำ SEO อย่างถูกต้อง และทำให้เว็บไซต์ติดอันดับ

หลักการทำ SEO อย่างถูกต้อง และทำให้เว็บไซต์ติดอันดับ

การทำ SEO หรือ Search Engine Optimization เป็นกระบวนการปรับแต่งเว็บไซต์ให้ตรงกับความต้องการของ Search Engine อย่าง Google ทำให้เว็บไซต์มีโอกาสปรากฏบนหน้าแรกของผลการค้นหา (SERP) สูงขึ้น ส่งผลต่อการดึงดูด Traffic เข้าสู่เว็บไซต์

หลักการสำคัญของ SEO แบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก

1. On-Page SEO มุ่งเน้นไปที่การปรับแต่งเนื้อหาและองค์ประกอบภายในเว็บไซต์

การวิจัย Keyword : เลือก Keyword ที่มีความเกี่ยวข้องกับเนื้อหาเว็บไซต์และมีคนค้นหาจำนวนมาก

การใส่ Keyword : ใส่ Keyword ใน Title Tag, Meta Description, Heading Tags, เนื้อหาบทความ และ URL

การเขียนเนื้อหา : เขียนเนื้อหาให้น่าสนใจ มีประโยชน์ ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้ และมีความยาวเหมาะสม

การ Optimize รูปภาพ : ใส่ Alt Text ที่มีความเกี่ยวข้องกับรูปภาพ

การปรับแต่งโครงสร้างเว็บไซต์ : ออกแบบโครงสร้างเว็บไซต์ให้ใช้งานง่าย เข้าใจง่าย และสามารถนำทางได้สะดวก

การปรับแต่งความเร็วเว็บไซต์ : ปรับแต่งเว็บไซต์ให้โหลดเร็ว

2. Off-Page SEO มุ่งเน้นไปที่การสร้าง Backlink จากเว็บไซต์อื่น

การเขียน Guest Post : เขียนบทความและใส่ Backlink ไปยังเว็บไซต์ของเรา

การทำ Social Media : แชร์เนื้อหาบน Social Media ต่างๆ

การสร้าง Infographic : ออกแบบ Infographic ที่น่าสนใจและใส่ Backlink ไปยังเว็บไซต์ของเรา

การทำ Forum Marketing : เข้าร่วม Forum และใส่ Backlink ไปยังเว็บไซต์ของเรา

เครื่องมือที่ช่วยทำ SEO

Google Search Console : เครื่องมือจาก Google ที่ช่วยวิเคราะห์และแก้ไขปัญหา SEO ของเว็บไซต์

Google Keyword Planner : เครื่องมือจาก Google ที่ช่วยวิเคราะห์ Keyword

Ahrefs : เครื่องมือ SEO ที่ช่วยวิเคราะห์ Backlink และ Keyword

SEMrush : เครื่องมือ SEO ที่ช่วยวิเคราะห์ Traffic และ Keyword

ข้อควรระวัง

การทำ SEO ต้องใช้เวลา : ไม่สามารถทำให้เว็บไซต์ติดอันดับได้ทันที

การทำ SEO ต้องอาศัยความรู้และประสบการณ์ : แนะนำให้ศึกษาข้อมูลหรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ

การทำ SEO ต้องทำอย่างต่อเนื่อง : อัลกอริทึมของ Search Engine เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ

สรุป

การทำ SEO เป็นกระบวนการที่ต้องอาศัยความอดทนและความพยายาม แต่หากทำอย่างถูกต้อง เว็บไซต์ของคุณก็มีโอกาสติดอันดับบน SERP สูงขึ้น ส่งผลต่อการดึงดูด Traffic เข้าสู่เว็บไซต์และเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ

ทำความรู้จัก On-page SEO และ Off-page SEO พร้อมประโยชน์ดี ๆ สำหรับธุรกิจ

ทำความรู้จัก On-page SEO และ Off-page SEO พร้อมประโยชน์ดี ๆ สำหรับธุรกิจ

ในยุคปัจจุบันที่เทรนด์การตลาดออนไลน์มาแรงสุด ๆ ทำให้ไม่มีนักการตลาดออนไลน์คนใดไม่รู้จักการทำ SEO หรือการทำให้เว็บไซต์ติดหน้าแรกของผลการค้นหาของ Search Engine การทำ SEO จึงต้องอาศัยการออกแบบเว็บไซต์ให้สมบูรณ์แบบทั้งปัจจัยภายใน หรือ On-page และปัจจัยภายนอก หรือ Off-page ซึ่งทั้งสองอย่างนี้ต้องดำเนินควบคู่ไปด้วยกัน เพื่อให้เว็บไซต์ติดอันดับหน้าแรก และประสบความสำเร็จตามเป้าหมายของธุรกิจ

ทำความรู้จัก On-page SEO และ Off-page SEO พร้อมประโยชน์ดี ๆ เพื่อธุรกิจ

On-page SEO คือ การปรับแต่งเว็บไซต์ธุรกิจเพื่อให้ผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์ที่ดี อีกทั้งยังเป็นการทำให้ Search Engine รู้ว่าเว็บไซต์เรานั้นเกี่ยวกับอะไรหรือให้บริการอะไรบ้าง โดยการทำ On-page มีองค์ประกอบหลายอย่างและอาศัยปัจจัยภายในทั้งหมด ยกตัวอย่าง

  • คีย์เวิร์ดต้องใช่ : วิเคราะห์คีย์เวิร์ดและเลือกใช้คีย์เวิร์ดตรงตามการค้นหาของกลุ่มเป้าหมาย
  • คอนเทนต์ต้องดี : ออกแบบคอนเทนต์ให้มีคุณภาพ ความยาวเหมาะสม ตรงตามความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย และอย่าลืมแทรกคีย์เวิร์ดลงในคอนเทนต์
  • ตั้งชื่อรูปภาพให้ระบบอ่านออก : ตั้งชื่อภาพให้ Search Engine อ่านออก แทนการตั้งชื่อด้วยตัวเลขหรือข้อความที่อ่านแล้วไม่เข้าใจ
  • URL เป็นมิตร : ไม่ใช้สัญลักษณ์ที่อ่านไม่ออก เพราะนอกจากช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือแล้ว ยังทำให้ Search Engine เข้าใจเรื่องราวในเว็บไซต์คุณอีกด้วย

สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ยกตัวอย่างเท่านั้น เพราะยังมีอีกหลายองค์ประกอบเพื่อการทำ On-page ให้สมบูรณ์แบบ โดยประโยชน์ของการทำ On-page คือ ทำให้เว็บไซต์ใช้งานง่าย และทำให้ Search Engine เข้าใจว่าเว็บไซต์ของคุณกำลังนำเสนอเกี่ยวกับอะไร และแน่นอนว่าถ้าติดอันดับหน้าแรกก็จะทำให้กลุ่มเป้าหมายค้นหาและเจอเว็บไซต์ของคุณก่อนเว็บไซต์อื่นนั่นเอง

เมื่อ On-page คือการปรับแต่งปัจจัยภายในเว็บไซต์ทั้งหมด เพราะฉะนั้น Off-page ก็คือการพึ่งพาปัจจัยภายนอกเพื่อเพิ่มคะแนนแก่เว็บไซต์ โดยวิธีที่นิยมคือการทำ Backlink หรือการไปฝากลิงก์กับเว็บไซต์อื่น โดยหากกลุ่มเป้าหมายเห็นว่าเว็บไซต์หรือคอนเทนต์เราน่าสนใจก็จะคลิกลิงก์มายังเว็บไซต์เรา เป็นผลให้เพิ่มจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์มากขึ้น และหากมีจำนวนคลิกเข้าชมเยอะขึ้น แน่นอนว่า Search Engine จะมองว่าเว็บไซต์เราน่าเชื่อถือและจะทำให้อันดับดีขึ้นนั่นเอง

เพราะการทำ Backlink จะช่วยเพิ่มจำนวนผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ และยังทำให้ Search Engine เชื่อถือ ทำให้นักการตลาดออนไลน์หลายคนเลือกใช้วิธีทำสแปมเพื่อไต่อันดับ ซึ่งถือเป็นวิธีที่ไม่ถูกต้อง เพราะ Search Engine สามารถตรวจจับความผิดปกติของลิงก์ได้ และหากจับได้ขึ้นมาเว็บไซต์ของคุณจะไม่มีโอกาสได้ขึ้นหน้าแรกของ Search Engine อีกเลย

เมื่อ On-page และ Off-page เป็นสิ่งที่ต้องดำเนินไปคู่กันแล้ว นักการตลาดออนไลน์จึงจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับสองสิ่งนี้ เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือแก่ Search Engine อีกทั้งยังช่วยเพิ่มคะแนนให้แก่เว็บไซต์ และทำให้เว็บไซต์ของคุณก้าวสู่หน้าแรกของ Search Engine เป็นผลให้กลุ่มเป้าหมายคลิกเข้ามายังเว็บไซต์มากขึ้น เพิ่มโอกาสการซื้อสินค้าและบริการ

ทำไม SEO เมื่อทำแล้วจึงไม่ควรหยุด

ทำไม SEO เมื่อทำแล้วจึงไม่ควรหยุด

การตลาดออนไลน์ SEO เป็นเทคนิคที่ช่วยกระตุ้นให้มียอดขายสูงขึ้นและมีการขยายฐานลูกค้าได้กว้างขวางยิ่งขึ้น เนื่องจากเป็นการพัฒนาโครงสร้างและเนื้อหาต่าง ๆ ในเว็บไซต์รวมถึงการสร้าง Link เชื่อมโยงจากภายนอก ทำให้มีผู้กล่าวว่า การทำ SEO เมื่อเริ่มแล้วไม่ควรหยุด ในบทความนี้เราจึงได้รวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจ เพื่อให้ผู้ที่สนใจการทำธุรกิจออนไลน์ได้ข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับการทำ SEO ดังนี้

SEO หรือ Search Engine Optimization เป็นเทคนิคที่ผู้ทำให้เว็บไซต์ธุรกิจออนไลน์จำนวนมากประสบความสำเร็จมาแล้ว โดยมีการทำเว็บไซต์ในสองส่วนหลัก คือ

1. On Page SEO เป็นการทำเนื้อหาบทความและคลิปวีดีโอส่งเสริมการขาย ที่มีคุณภาพให้ประโยชน์แก่ผู้ชม ซึ่งหากทำอย่างสม่ำเสมอ ก็จะมีแนวโน้มสูงที่เว็บไซต์จะได้จัดอันดับต้น Top5 Top10 ในหน้าต่างการสืบค้นเมื่อมีลูกค้ากลุ่มเป้าหมายพิมพ์ด้วย Keyword ที่กำหนดไว้ ที่สำคัญคือ เนื้อหาต้องเป็นความจริง ควรมีการอ้างอิงสร้างความน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะจากเว็บไซต์งานวิจัยทางวิชาการหรือข่าวต่างประเทศ ก็จะยิ่งดึงดูดใจให้ติดตามมากขึ้น ส่วนคุณภาพของรูปและคลิปประกอบ ควรเป็นสิ่งที่ถ่ายทำขึ้นมาใหม่ จะเป็นทีมงานของบริษัทผลิตเองหรือจ้างฟรีแลนซ์มืออาชีพที่มีความคิดสร้างสรรค์แหวกแนวทำก็ได้

นอกจากนี้ การเลือกธีมของสีและรูปแบบตัวอักษรในเว็บไซต์ให้มีเอกลักษณ์และดึงดูดความสนใจของผู้ชม ก็สำคัญเพราะช่วยในการเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของแบรนด์สินค้าทำให้เกิดการจดจำได้ง่ายและเป็นการสร้างฐานลูกค้าประจำให้กว้างขึ้นเรื่อย ๆ

ผู้ทำให้เว็บไซต์ธุรกิจออนไลน์

2. Off Page SEO เป็นการทำลิงค์เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ภายนอก ทั้งเว็บไซต์ในและต่างประเทศ ทำให้เกิดการสร้างกลุ่มลูกค้าใหม่โดยไม่ต้องลงทุนทำโฆษณา เช่น ใช้วิธีการโพสตอบคำถามในกลุ่ม Facebook ที่รวมลูกค้าเป้าหมายของคุณ ซึ่งอาจกำลังมีปัญหาเกี่ยวกับสินค้าและบริการใด ๆ หากตรงกับประเภทสินค้าที่คุณจำหน่าย ก็สามารถแปะลิงก์ให้คนตามมาในเว็บไซต์ของคุณได้

ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณขายสินค้าออร์แกนิก แล้วมีคนสงสัยว่าสินค้าออร์แกนิกคืออะไร ดีอย่างไร คุณก็สามารถที่จะไปโพสต์ตอบข้อสงสัยเพื่อให้ความรู้ และแนบ Link ของสินค้าคุณ หากมีผู้ที่สนใจก็จะทำการคลิกเข้ามาตามลิงค์ ก็จะเป็นการเปิดช่องทางให้มีคนมาซื้อสินค้าของเว็บไซต์คุณมากขึ้น

จากที่กล่าวมา คงจะเห็นแล้วว่า การทำ SEO จะส่งผลดีต่อยอดขายและสร้างลูกค้าทั้งขาประจำและลูกค้ารายใหม่ ๆ ให้แก่เว็บไซต์ทางธุรกิจได้เป็นอย่างมาก การที่มีคนกล่าวว่า ถ้าทำ SEO แล้วก็ไม่ควรหยุดทำ เพราะจะมีผลทำให้ธุรกิจที่กำลังรุ่งเรืองของคุณนั้นหยุดชะงักลงได้นั่นเอง