SEO Content

เนื้อหาเว็บยาว กับเนื้อหาเว็บสั้น แบบไหนดีกว่ากัน

เป็นเรื่องที่ถกเถียงกันมายาวนานมาก เรื่องของจำนวนเนื้อหาในบทความ ว่าสรุปแล้วการเขียนเรื่องยาวกับการเขียนเรื่องสั้นแบบไหนมันดีกว่ากันในเชิงของ SEO เป็นที่รู้กันดีกว่าคุณภาพของเนื้อหาในเว็บไซต์ จะส่งผลในเรื่องของการทำออนเพจโดยตรง ออกแบบมาดีก็มีโอกาสติดหน้าแรกโดยแทบจะไม่ต้องทำออฟเพจเลย สำหรับความสั้นยาวของเนื้อหา ข้อนี้พิสูจน์ได้ลำบากหากจะเปรียบเทียบกันเฉพาะความยาวของเนื้อหา แต่หากว่าเอาหลายๆส่วนของเนื้อหามาเปรียบเทียบกันคิดว่าดูได้มากยากเท่าไหร่ อย่างแรกเลยข้อที่จะต้องเปรียบเทียบคือเนื้อหายาวกับเนื้อหาสั้น เนื้อหาแบบไหนเขียนได้เข้าข่าย SEO ในคีย์เวิร์ดที่ Focus มากกว่ากัน

เผื่อมือใหม่จะมองไม่เห็นภาพ จะขอเปรียบเทียบให้เห็นภาพสักนิด สมมุติว่าวันนี้เราจะทำคีย์เวิร์ดใดคีย์เวิร์ดหนึ่ง เอาเป็น “เลขเด็ด” แล้วกัน คีย์นี้คงรู้กันดีว่าคนที่เขาค้นหา ไม่ได้ต้องการเข้ามาอ่านเรื่องเล่า ไม่ชอบเนื้อหายาว แต่ชอบเข้ามาแล้วเจอเลขเด็ดเพื่อเอาไปเล่นหวยต่อทันที หากค้นหาคำว่าเลขเด็ด แต่เข้ามาเรื่องเนื้อหายาวเป็นนวนิยาย แถมเลขเด็ดก็ดันปะปนอยู่ตามแต่ละส่วนของเนื้อหา ( เพราะคนที่เขียนอาจเข้าใจว่ามันช่วยส่งผลเรื่อง SEO ) ถ้าเข้ามาเจอแบบนี้รับรองว่าเว็บเลขเด็ดที่เขียนเนื้อหายาวจะไม่ได้รับความนิยมแน่นอน คนจะแห่หนีไปเข้าดูเว็บเลขเด็ดอื่นมากกว่า ทีนี้ ลองคิดภาพตาม หากพฤติกรรมคนเข้าเว็บแล้วออกทันที ต่อให้มีเนื้อหายาวเป็นหางว่าว คิดว่าจะสู้เว็บที่แทบนะไม่มีเนื้อหาแต่พฤติกรรมคนเข้าชมเว็บไซต์นานกว่า คลิกแล้วออนไลน์เว็บนั้นแช่แป้งไว้ คิดว่าเว็บไหนจะส่งผลดีกว่ากันในเรื่องของเอสอีโอ… ? คำตอบคือ “ต้องเป็นเว็บกลุ่มหลังอยู่แล้ว”

ถอดความคิดเดิมๆออก เปิดรับธรรมชาติของ SEO

หากใครเป็นนักทำ SEO Onpage แล้วยังมีความเชื่อเดิมๆที่ว่าการเขียนเนื้อหายาวจะส่งผลดี ยิ่งยาวดียิ่ง จะทำอันดับง่ายกว่า หากใครคิดแบบนี้อยู่แนะนำให้เลิกคิดเสีย เพราะมันไม่ต่างจากการทำ SEO Offpage แล้วคิดว่าการสแปมลิงค์จะช่วยให้การทำอันดับง่ายขึ้นนั่นเอง โลกมันมีเปลี่ยนแปลงไปตลอด สิ่งที่จะส่งผลเรื่อง SEO ว่าอะไรจะเป็นตัวชี้วัดความสำคัญ มันคือพฤติกรรมของผู้ใช้ แบบสมัยก่อนเนื้อหายิ่งยาวยิ่งดี เพราะเว็บไซต์สมัยนั้นจะไม่ค่อยมีลูกเล่นเยอะ ช่วงแรกๆคนจะนิยมอ่านบล็อกกันเป็นส่วนใหญ่ การเขียนบทความยาวๆจึงถือเป็นเรื่องที่ดี แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยน สมัยนี้บางคนเจอเนื้อหายาวๆถึงกับปิดหนี เข้าหาเว็บที่สรุปข้อมูลเป็น VDO มีเพลงฟังไปด้วยแทน หน้าที่ของผู้รับทำ SEO คือรู้จักปรับเปลี่ยน

ทำไม Google ถึงรู้พฤติกรรมผู้ใช้ล่ะ ?

บางคนอาจจะคิดไปอีกว่า Google รู้ได้อย่างไร ก็ในเมื่อการคลิกเข้าเว็บไซต์นั้นมันมีทั้งคนใช้จริงและบอทของเว็บอื่นบางเว็บ แน่นอนว่าการเช็คอาจไม่ใช่เรื่องยากเท่าไหร่ เพราะส่วนใหญ่บอทจะไม่ได้มีการปลอม User Agent ในการเข้ารับชม ส่วนเรื่องเทคนิคการปั่นทราฟฟิคเข้าเว็บนั้น เท่าที่ดูมาเห็นได้ชัดว่าเว็บที่ปั่นทราฟฟิคคนเข้าเว็บเยอะๆไม่ได้ส่งผลเรื่อง SEO สักเท่าไหร่ ดีไม่ดีเว็บโดนแบนด้วยซ้ำไป เรารู้แค่ว่า Search Engine Google ฉลาดมาก สิ่งที่ควรทำมีเพียงอย่างเดียวคือการทำ SEO ดูคำนึงถึงพฤติกรรมผู้ใช้เป็นหลัก เพราะมันคือสิ่งเดียวที่ Search Engine จะต้องปรับตัวตาม เมื่อเราเข้าใจพฤติกรรมผู้เข้าชมเว็บส่วนใหญ่แล้ว จะทำคีย์เล็ก ขายปุ๋ย อาหารแมว หรือคีย์เวิร์ดใหญ่ FIFA55 ผลบอล ดูหนัง มันก็สามารถทำได้ทั้งหมด ตั้งแต่ผู้เขียนได้ทำ SEO มาหลายปี ยังไม่เคยเห็น Search Engine เจ้าไหนที่ไม่ปรับเปลี่ยนการจัดอันดับไปตามกลไกของพฤิตกรรมผู้ใช้ที่เปลี่ยนแปลงไป คงเป็นเรื่องตลกมาก หากผู้เที่ยวชมเว็บไซต์ต้องปรับตัวให้เข้ากับเว็บ Search Engine เมื่อรู้แบบนี้ก็อย่าลืมปรับเปลี่ยนมุมมองในการทำ SEO ซะล่ะ