รู้หรือไม่ SEM มีผลอย่างไรกับการทำ SEO

รู้หรือไม่ SEM มีผลอย่างไรกับการทำ SEO

การทำ SEO ไม่ได้มีส่วนประกอบเป็นเพียงแค่เรื่องของการทำเนื้อหาเพื่ออัปเดตลงไปบนเว็บไซต์เท่านั้น แต่ยังมีปัจจัยหลายอย่างที่เข้ามามีส่วนร่วมเพื่อให้เว็บไซต์ของคุณไต่อันดับขึ้นไปบนหน้าแรกของ search engine ได้ แล้ววันนี้เราจะมาดูกันว่าการทำ SEM ที่เป็นหนึ่งในการทำการตลาดออนไลน์นั้นมีผลกับการทำ SEO อย่างไรบ้าง

• SEM ช่วยสร้าง data ให้กับนักการตลาดออนไลน์ในช่วงแรกเริ่มของการทำ SEO

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่อยู่ในวงการการตลาดออนไลน์ที่มีการทำ SEO มาก่อนจะทราบดีว่าการใช้วิธี SEM นั้น จะทำให้คุณทราบที่มาที่ไปของลูกค้าได้เร็วและง่ายกว่าการทำ SEO ที่ต้องใช้ระยะเวลานาน โดยคุณสามารถนำข้อมูลที่ได้จากการทำ SEM ไปวิเคราะห์เพื่อใช้ในการทำ SEO ได้ต่อแบบลื่นไหลกว่าการทำ SEO อย่างเดียว

• SEM ช่วยให้เจ้าหน้าที่การตลาดออนไลน์ทำงานได้ดีขึ้น

แน่นอนว่าการทำ SEM นั้นมีค่าใช้จ่าย แต่ด้วยการจ่ายเงินนี่เอง ที่ทำให้นักการตลาดสามารถเก็บข้อมูลจากการโฆษณามาวิเคราะห์ได้ง่ายขึ้น โดยการทำ SEM มีประโยชน์มากต่อการทำ SEO ในช่วงแรกที่เว็บไซต์มีเนื้อหาพร้อมแต่ยังไม่มี traffic นั่นเอง

• เหมาะกับการสร้าง sales

ใช่ คุณเข้าใจไม่ผิด เพราะการทำ SEM คือการโฆษณาที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างยอดขายได้เร็วกว่า SEO แต่สามารถทำไปพร้อม ๆ กันได้ เพราะเว็บไซต์ของคุณจะขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งแรก ๆ ที่มีโอกาสที่คนจะเห็น แต่จุดด้อยของมันก็คือ ในเมื่อมันดูเป็นการโฆษณา ก็ย่อมมีความน่าเชื่อถือน้อยกว่า

• สามารถใช้ keyword ชุดเดียวกับการทำ SEO เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์

หลังจากโฆษณาจากการทำ SEM ได้แสดงผลออกไป ระบบจะเริ่มทำการเก็บข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นอัตราการคลิก keyword ที่ลูกค้าใช้ค้นหา ระยะเวลาที่ลูกค้าอยู่ในเว็บไซต์ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์อย่างมากในการนำมาพัฒนาการทำ SEO ในขั้นต่อไป

• SEM เป็นการช่วยเพิ่ม traffic ไปพร้อม ๆ กับการทำ SEO

แม้ว่าการทำ SEM จะเป็นการโฆษณา แต่จุดเด่นของ SEM ก็คือสามารถช่วยเพิ่ม traffic ให้กับเว็บไซต์ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะในช่วงที่ SEO ยังไม่เห็นผล เมื่อมี traffic บนเว็บไซต์มีมากขึ้นก็จะทำให้การทำ SEO มีประสิทธิภาพมากขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน เพราะจำนวนคนเข้าเว็บไซต์นั้นมีผลต่อการขึ้นอันดับของการทำ SEO มากเลยทีเดียว

เห็นไหมว่าการทำ SEO นั้นยังเป็นวิธีการตลาดออนไลน์ออร์แกนิกที่ยังต้องการแรงเสริมจากการทำ SEM เข้ามาเป็นส่วนช่วยด้วยเหมือนกัน หากคุณมีความรู้และความเข้าใจการทำ SEO บวกกับการทำ SEM และส่วนประกอบอื่น ๆ ของการทำการตลาดออนไลน์แล้ว ก็จะช่วยให้การทำ SEO สำเร็จได้ไม่ยาก

SEO ดีอย่างไรต่อธุรกิจคุณ มีข้อดีกว่าที่คิด

SEO ดีอย่างไรต่อธุรกิจคุณ มีข้อดีกว่าที่คิด

SEO เป็นตัวช่วยในการประเมินคุณภาพเว็บไซต์ มีประโยชน์ต่อผู้ใช้งาน Google ในการค้นหาเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาสาระทันสมัย และมีข้อมูลที่ไม่เหมือนใคร เพราะจะนำเสนอเว็บไซต์ที่มีคุณภาพสูงในอันดับต้น ๆ ของหน้าแรกการสืบค้น

ส่วนทางด้านของผู้ประกอบการ การทำ SEO ก็ทำให้เว็บไซต์ของคุณมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นยิ่งขึ้น โดยในบทความนี้ เราจะมาดูกันให้ละเอียดขึ้น ว่าการทำ SEO นั้นมีประโยชน์อย่างไรต่อธุรกิจของคุณบ้าง

ประโยชน์ของการทำ SEO

ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย หลายคนอาจมองว่าการทำ SEO นั้น ถ้าไม่ชำนาญก็ต้องจ้างบริษัททำ แต่ที่จริงแล้วการทำ SEO นั้น หากคุณฝึกทำอย่างสม่ำเสมอ เรียนรู้ไปเรื่อย ๆ คุณก็สามารถทำได้ด้วยตัวเอง โดยเฉพาะถ้าเป็นธุรกิจขนาดเล็กที่มีความคล่องตัวสูง ในเวลาเพียงไม่กี่เดือน คุณอาจไม่จำเป็นต้องจ้างบริษัททำแล้ว ก็จะลดค่าใช้จ่ายในการโฆษณาทางช่องทางอื่น ๆ ได้ เช่น การทำ SEM หรือการเช่าพื้นที่โฆษณาผ่านทาง Google Ads และยังทำให้คุณมีทักษะในมองเห็นจุดอ่อนจุดแข็งของธุรกิจคุณได้ดียิ่งขึ้นด้วย

ช่วยสร้างอัตลักษณ์ให้แก่แบรนด์ ธุรกิจใด ๆ ก็ตามที่ต้องการแข่งขันได้สูงในยุค 2020 จำเป็นต้องมีความโดดเด่นในตัวเอง ไม่สามารถที่จะลอกเลียนแบบ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลตัวสินค้า ภาพถ่าย เทคนิคการทำคลิปโฆษณาประชาสัมพันธ์ รวมถึงเนื้อหาบทความสาระส่งเสริมการขายที่ลงอยู่ในเว็บไซต์ เพราะระบบ SEO มี algorithm ที่ช่วยในการคัดกรอง

หากคุณละเมิดกฎข้อบังคับต่าง ๆ ของ Google เมื่อใด ก็จะมีผลทำให้เว็บไซต์ของคุณถูกแบนได้ และยังทำให้ผู้อ่านรู้สึกได้ว่าคุณขาดความจริงใจต่อผู้บริโภคและไม่มีอัตลักษณ์ด้วย ดังนั้นการทำ SEO ตามเทคนิคที่ Google แนะนำ จึงเป็นช่องทางที่ทำให้คุณเสริมสร้างเอกลักษณ์ให้กับธุรกิจของตนเอง และทำให้สินค้าติดตลาดได้อย่างดีในที่สุด

ทำให้คู่แข่งน้อยลง เนื่องจากการทำ SEO นั้นจำเป็นต้องสะสมระยะเวลา 3 เดือนถึง 1 ปี ขึ้นไปในการทำให้ข้อมูลนั้นมีปริมาณมากเพียงพอ ในการจัดอันดับผ่านระบบ algorithm ไม่ว่าจะเป็นระบบเพนกวิน แพนด้า ฮัมมิ่งเบิร์ด Pirate ฯลฯ ซึ่งจะช่วยในการคัดแยกธุรกิจที่มีศักยภาพในการแข่งขันต่ำให้ตกลงไปชั้นล่างในหน้าจอสืบค้นผ่าน google.com และ google.co.th

ถ้าคุณทำ SEO อย่างสม่ำเสมอ เท่ากับว่าคุณสามารถทิ้งห่างคู่แข่งที่ขาดความจริงจังในการทำ SEO ได้ โดยที่เป็นไปตามระบบของคอมพิวเตอร์อัจฉริยะของ Google คุณจึงสบายใจได้ว่าธุรกิจของคุณจะเติบโตไปได้ดีในระยะยาว

จะได้ว่าการทำ SEO นั้นมีประโยชน์ทั้งต่อผู้บริโภคและต่อเจ้าของธุรกิจอย่างมาก หวังว่าบทความนี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้ที่ทำธุรกิจออนไลน์ยุคใหม่ตั้งใจทำ SEO ให้มากยิ่งขึ้น และจริงจังเพื่อผลสำเร็จทางธุรกิจที่ดีต่อไป

ประโยชน์ของการทำ SEO

Keyword ที่ควรรู้หากจะทำ SEO ให้ประสบความสำเร็จ

Keyword ที่ควรรู้หากจะทำ SEO ให้ประสบความสำเร็จ

การหาคีย์เวิร์ดทองคำให้เจอเป็นสิ่งสำคัญมากหากต้องการทำ SEO (Search Engine Optimization) ให้ประสบความสำเร็จ โดยคีย์เวิร์ดที่ดีมีลักษณะ ดังนี้

เป็นคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ สินค้าและบริการ การหาคีย์เวิร์ดที่มีความเกี่ยวข้องกับสินค้าและบริการ หรือธุรกิจของตัวเอง จะช่วยดึงดูดความสนใจจากกลุ่มเป้าหมายและเป็นวิธีการโปรโมทธุรกิจได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูง

คีย์เวิร์ดต้องมีผู้คนหาจำนวนมากพอ เมื่อเจอคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจควรนำคีย์เวิร์ดที่ได้ มาเช็คจำนวนผู้ค้นหาด้วยโปรแกรมฟรี เช่น Google Keyword Planner, Ubersuggest, Keyword tool หรือ LSI Keyword เป็นต้น

เป็นคีย์เวิร์ดติดเทรนด์ฮิต แม้ว่าคีย์เวิร์ดที่ได้จะมีผู้ค้นหาเยอะและเกี่ยวข้องกับธุรกิจของตัวเอง แต่ควรนำคีย์เวิร์ดไปเช็คใน Google Trend เพื่อดูว่าคีย์เวิร์ดที่ได้มาเป็นคำที่มีความเป็นไปได้ในการนำมาทำเป็น Content ในระยะยาวหรือไม่ แม้ว่าหลายคนจะรู้วิธีการเลือกคีย์เวิร์ดทองคำ แต่น้อยคนที่จะรู้ว่า

คีย์เวิร์ด 5 ประเภท

Generic Keyword เป็นคำนามที่ใช้สำหรับเรียกสิ่งของทั่วไป ไม่ได้มีความเฉพาะเจาะจง เช่น เสื้อ, กางเกง, เครื่องดื่ม, ดินสอ ฯลฯ

Brand Keyword เป็นคีย์เวิร์ดที่ใช้สำหรับเรียกแบรนด์สินค้าหรือบริการต่าง ๆ เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายรู้จักตัวตนและภาพลักษณ์ของแบรนด์

Long tail Keywords เป็นคำทั่ว ๆ ไปที่มีความเฉพาะเจาะจงมากกว่า Generic Keywords เช่น “กาแฟอาราบิก้า หอม เชียงราย”, “เสื้อยืด คอกลม สีดำ เท่ๆ”, “กางเกงยีนส์ขาสั้น ผู้ชาย สียอดนิยม” หรือ “เครื่องกรองน้ำ รีวิว pantip” เป็นต้น

Competitor Keyword เป็นการนำชื่อธุรกิจ สินค้าหรือบริการของคู่แข่งมาใช้ เพื่อดึงกลุ่มเป้าหมายให้มายังธุรกิจหรือบริการของตัวเอง

Misspelling Keyword เป็นคีย์เวิร์ดทั่ว ๆ ไป แต่เป็นคำที่คนทั่วไปสะกดผิด

การเรียนรู้วิธีใช้โปรแกรมสำเร็จรูปที่ช่วยเช็คจำนวนผู้คนหาเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อการหาคีย์เวิร์ดที่ต้องการมากที่สุด เนื่องจากโดยส่วนใหญ่โปรแกรมเหล่านี้เป็นโปรแกรมที่จะแนะนำคำที่น่าสนใจอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ทำให้เรามีไอเดียในการคิดหาคำที่เหมาะสมได้มากกว่า นอกจากนี้การดูคีย์เวิร์ดการค้นหาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในขณะที่เรากดค้นหาคำใน Google ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้เกิดไอเดียได้เช่นกัน

การนำคีย์เวิร์ดแต่ละประเภทมาปรับใช้กับ Content ที่โพสต์ลงเว็บไซต์จะช่วยให้การทำ SEO ประสบความสำเร็จได้ โดยคอนเทนต์ที่สามารถดึงกลุ่มเป้าหมายให้เข้าสู่เว็บไซต์ควรทำหลายรูปแบบผสมผสานกัน ทั้งการทำบทความ, การทำวิดีโอและการทำ Podcast เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายอาจสนใจสื่อที่แตกต่างกันเพื่อให้ดึงดูดกลุ่มเป้าหมายให้ได้มากที่สุด

เมื่อหาคีย์เวิร์ดทองคำที่เหมาะต่อการใช้กับธุรกิจ สินค้าหรือบริการเจอแล้ว และนำมาทำเป็นคอนเทนต์ จะไม่เพียงแต่ช่วยสร้างยอดขายหรือยอดเข้าชมเว็บไซต์มากขึ้นเท่านั้น แต่ยังทำให้ได้รับความน่าเชื่อถือจากกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการด้วย

คีย์เวิร์ด 5 ประเภท

ทำไมต้องใช้ long tail keywords ในการทำ SEO

ทำไมต้องใช้ long tail keywords ในการทำ SEO?

การทำ SEO เป็นสิ่งที่จะต้องใส่ใจเรื่องของการทำคีย์เวิร์ด ซึ่งในการวางแผนคีย์เวิร์ดให้ไว้บนเนื้อหานั้น จะต้องเลือกว่าควรใช้คีย์เวิร์ดประเภทไหนบ้าง ซึ่งหลายคนเลือกใช้แต่ short tail keywords และไม่สนใจการนำ long tail keywords มาใช้ให้เกิดประโยชน์ วันนี้เราจึงมาบอกเหตุผลในการเลือกใช้ long tail keywords ว่ามันดีอย่างไรต่อเว็บไซต์ของคุณบ้าง

เหตุผลในการเลือกใช้ long tail keywords

short tail keywords ถูกเจ้าตลาดใหญ่แย่งไปหมดแล้ว เว็บไซต์ที่ทำ SEO มานานรวมถึงเว็บไซต์ที่มีกลยุทธ์ในการทำ SEO มาก่อนหน้าคุณนั้น มักจะเลือกใช้ short tail keyword และพวกเขามีความแข็งแรงมากในการยึดพื้นที่ในแต่ละอันดับเอาไว้ แต่ก็ยังมีทางให้คุณเขี่ยพวกเขาให้ลงจากอันดับได้ด้วยการทำ SEO อย่างถูกต้องและค่อย ๆ ไต่อันดับขึ้นไป

สมัยนี้ user ค้นหาด้วยกลุ่มคำที่เจาะจงมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน หากเป็นเมื่อก่อนคนอาจใช้คีย์เวิร์ดเป็นคำหรือกลุ่มคำสั้น ๆ ในการค้นหาเท่านั้น แต่ในปัจจุบัน พฤติกรรมของคนส่วนใหญ่ได้เปลี่ยนไปแล้ว ซึ่งจะใช้กลุ่มคำที่มีเฉพาะเจาะจง โดยเป็นคีย์เวิร์ดที่ยาวมากขึ้น แล้วแน่นอนว่า long tail keywords จะทำให้เว็บไซต์ของคุณไปปรากฏอยู่บนหน้าจอของคนเหล่านี้ได้ง่ายกว่า

ช่วยให้เว็บไซต์ของคุณเข้าถึง user ที่ตรงกลุ่มเป้าหมายยิ่งกว่าเดิม เมื่อเรามองในมุมของเจ้าของเว็บไซต์ที่ต้องการให้เว็บไซต์ของตัวเองไปปรากฏอยู่บนหน้าจอของ user ที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย การใช้ long tail keywords จะช่วยคุณได้มากกว่า เพราะเว็บไซต์ของคุณจะขึ้นไปอยู่บนหน้าจอของ user ทันทีเมื่อพวกเขาทำการค้นหาด้วยกลุ่มคำที่เฉพาะเจาะจง ซึ่งตรงกับความต้องการที่จะให้พวกเขาเห็นพอดี

ช่วยให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับด้วยการทำ short tail keywords ทีหลังได้ง่าย การใช้ long tail keywords นั้นจะทำให้ติดอันดับง่ายกว่า เมื่อติดอันดับแล้วก็มีโอกาสได้ traffic สะสมเอาไว้ต่อยอด รวมถึงยังถูก index ให้มีโอกาสไต่อันดับขึ้นไป ฉะนั้นหากเว็บไซต์ของคุณติดอันดับด้วยการใช้ long tail keywords แล้ว คุณก็มีโอกาสที่จะติดอับดับด้วยการใช้ short tail keywords ได้ง่ายขึ้นนั่นเอง

เมื่อพ่วงด้วยการทำ SEM จะทำให้ค่าโฆษณาถูกลง search engine อย่าง Google ใช้ในการคำนวณค่าโฆษณานั้นถูกคิดราคาต่อคลิก ซึ่งการจะแสดงผลบนหน้าจอของ user หรือไม่นั้น ยังขึ้นอยู่กับจำนวนเงินที่คุณต้องประมูลแข่งกับเจ้าอื่นด้วย โดยส่วนใหญ่ short tail keywords จะมีราคาแพงกว่า long tail keywords เสมอ

การเลือกใช้ short tail keywords นั้นไม่ผิด แต่เจ้าของเว็บไซต์เองควรมีกลยุทธ์ในการวางแผนคีย์เวิร์ดด้วยการใช้ long tail keywords เข้ามาเป็นตัวช่วย แล้วคุณล่ะเห็นความสำคัญและข้อดีของการนำ long tail keywords มาใช้ในการทำ SEO แล้วหรือยัง

short tail keywords

ทำเว็บแบบนี้ ต่อให้ SEO ดี ก็ไม่เกิดแน่ ๆ

ทำเว็บแบบนี้ ต่อให้ SEO ดี ก็ไม่เกิดแน่ ๆ

การทำ SEO ไม่ใช่แค่การทำให้หน้าเว็บของคุณติดอันดับเท่านั้น แต่ยังรวมถึงตัวเว็บเองต้องมีความเหมาะสมที่ทาง Google พิจารณาแล้วว่าควรค่าในการติดอันดับต้น ๆ ต่อไป อย่าแค่คิดว่าพอติดอันดับแล้วจะไม่มีวันหล่น เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่เริ่มปล่อยปละละเลย ไม่สนใจการทำ SEO อย่างถูกต้อง โอกาสที่เว็บของคุณจะร่วงหล่นและหายไปจากหน้าค้นหามีสูงมาก และนี่คือสิ่งที่บ่งบอกว่าอย่าทำเด็ดขาดหากไม่อยากให้เกิดผลดังที่กล่าวมา

สิ่งที่ไม่ควรทำในการทำเว็บไซต์

ปล่อยเว็บร้าง ไม่มีการอัปเดตใด ๆ ทั้งสิ้น : หลายเว็บพอเริ่มถึงจุดสูง ๆ เช่น ติดหน้าแรก Google เรียบร้อยก็มักปล่อยร้าง ไร้ความเคลื่อนไหวใด ๆ ทั้งสิ้นด้วยคิดว่ามันติดอันดับแล้วไม่ต้องทำอะไรก็ได้ แต่อย่าลืมว่ายังมีเว็บอื่น ๆ ที่เขาพร้อมอัปเดตตัวเองให้ก้าวเข้าสู่ตำแหน่งท้าชิงโดยตลอด ประกอบกับทาง Google เอง จะพิจารณาจากความสด ใหม่ ของเนื้อหาในเว็บเสมอ หากไม่มีการอัปเดตใด ๆ เป็นเวลานานก็ทำให้ตกอันดับได้

ก็อปปี้เนื้อหาและรูปภาพจากเว็บอื่นมาใช้งาน : ตรงนี้ถือเป็นสิ่งที่ห้ามกระทำอย่างยิ่ง ต่อให้มีเครดิตอ้างอิงที่มาก็ไม่ควรทำ เพราะถ้าเจ้าของผลงานเขามาเห็นเข้าก็มีสิทธิ์กดรายงาน เมื่อมีการรายงานแล้วถูกตรวจสอบว่าผิดจริง URL ของหน้านั้นจะหายไปรวมถึง URL หน้าเว็บไซต์ก็โดนแบนด้วยเช่นกัน คราวนี้ค้นหาให้ตายก็ไม่เจอแน่ ๆ

ทำสแปมกับตัวเว็บ : การทำเว็บที่มี backlink เพื่อให้ดึงกลับมาหน้าเว็บตนเอง หากนำเอาข้อความเดิม ๆ ซ้ำ ๆ ไปโพสต์เหมือนกันหมด จะกลายเป็นการทำสแปม เท่ากับว่าเหมือน Google มองเห็นความจงใจที่จะนำเสนอโฆษณาเพื่อให้ดึงกลับไปหน้าเว็บของตนเองอย่างเดียว โอกาสจะโดนแบนเพื่อไม่ให้ทำเรื่องดังกล่าวจึงเกิดขึ้นได้ง่าย เสียโอกาสในการทำโฆษณาไปอีก

ภาพเยอะเกินไป ใช้เวลาโหลดนาน : สังเกตง่าย ๆ ลองคิดเป็นตัวเราเว็บไหนที่ภาพโหลดช้า คนมักจะปิดหนีแล้วหาเว็บใหม่ ตรงนี้มันส่งผลโดยตรงเพราะมันเกิดอัตราการตีกลับ อันจะทำให้การถูกจัดอันดับของเว็บถดถอยลงไปเรื่อย ๆ ทางที่ดีคือ อย่าใส่ภาพหรือสิ่งใด ๆ ที่ทำให้ต้องกินเวลาโหลดนานเกินจำเป็น

ปล่อยให้โดนแฮ็ก : หากปล่อยให้เว็บโดนแฮ็กแล้วคนอื่นไม่สามารถเข้ามาใช้งานได้ พอ Google ตรวจสอบก็จะรู้ว่ามีปัญหาและกลายเป็นการส่งลิงก์แจ้งเตือนในการเข้าชม ตรงนี้ทำให้ยอดตกลงแน่ ๆ แม้จะทำ SEO ดีขนาดไหนก็ตาม

นี่เป็นแนวทางผิด ๆ ที่ควรรู้เกี่ยวกับการทำ SEO เพื่อให้หน้าเว็บของคุณติดอันดับ Google หากใครยังมีวิธีทำเว็บไซต์แบบนี้อยู่ ขอแนะนำว่าควรปรับปรุงเป็นวิธีใหม่ที่ถูกต้องโดยเร็ว จะเกิดผลดีที่สุด

สิ่งที่ไม่ควรทำในการทำเว็บไซต์

SEO ทำเองได้ง่าย ๆ ด้วยขั้นตอนต่อไปนี้!

ในปี พ.ศ. 2563 นี้เป็นปีที่นักการตลาดออนไลน์มือใหม่ที่อยากเริ่มทำเว็บไซต์ควรที่จะลงมือทำอย่างจริงจัง เนื่องจากมีความเป็นไปได้ว่าในอีก 1 – 2 ปีข้างหน้า การทำเว็บไซต์จะมีความยากขึ้นกว่านี้ และแต่ละตลาดก็จะมีคู่แข่งเพิ่มมากขึ้นอีกหลายเท่าตัว

สำหรับนักการตลาดออนไลน์ที่อยากเริ่มต้นทำเว็บไซต์ ควรเริ่มจากการเลือก Software สำเร็จรูปที่ช่วยสร้างเว็บไซต์ที่ตัวเองถนัด โดยอาจดูรีวิวหรือวิธีการใช้งานใน YouTube ก่อนเพื่อเลือก Software ที่ชอบมากที่สุด เมื่อสร้างเว็บไซต์และกรอกข้อมูลเกี่ยวกับเว็บไซต์และจัดหมวดหมู่เรียบร้อยก็มาถึงการทำ SEO หรือ Search Engine Optimization หรือวิธีการทำให้เว็บไซต์ติดอันดับบนหน้าหนึ่งของ Search Engine

วิธีการทำ SEO ตัวเองสามารถทำได้ง่าย ๆ ดังนี้

คิด Keyword หรือคำสำคัญที่กลุ่มเป้าหมายจะมักใช้ค้นหาเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการของคุณ แล้วนำไปเช็คในเว็บไซต์ keyword research เพื่อดูปริมาณการค้นหาว่ามีจำนวนมากน้อยเพียงใดใน 1 เดือนและมีการแข่งขันสูงหรือไม่? โดยเว็บไซต์ keyword research มีทั้งแบบฟรีและเสียค่าใช้จ่าย หรือหากคิด Keyword ไม่ออก อาจลองดูคำแนะนำจาก “การค้นหาที่เกี่ยวข้อง” ที่อยู่ด้านล่างสุดของ Google Search ควรหา Keyword ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการเอาไว้อย่างน้อย 2 – 3 คำ

นำ Keyword ที่ได้มาเขียนบทความที่มีสาระหรือให้ประโยชน์กับผู้ใช้งาน โดยวิธีการเขียนบทความควรแบ่งบทความออกเป็น หัวข้อหลัก คำนำ ส่วนเนื้อหา บทสรุป โดยในแต่ละส่วนอาจแทรก Keyword หลักเอาไว้ส่วนละ 1 คำและแทรก Keyword เกี่ยวข้องแทรกในบทความกระจายกันไป รวมถึงในส่วนของเนื้อหาควรแบ่งบรรทัดให้อ่านง่าย หรือแบ่งเนื้อหาออกเป็น Bullet เป็นต้น ความยาวของบทความควรมีปริมาณคำ 300 คำขึ้นไปต่อบทความ และควรโพสต์บทความบนเว็บไซต์ที่เขียนใหม่เป็นประจำทุกวัน รวมถึง Rewrite บทความเก่าที่น่าสนใจมาเรียบเรียงใหม่โพสต์ลงเว็บไซต์ด้วย

ใช้เทคนิคการตั้งหัวข้อบทความด้วยคำถามเพื่อให้รองรับ Google Search ที่ปรับใหม่ ซึ่งเรียกว่าระบบ Featured Snippets ที่จะโชว์กล่องตอบคำถามให้กับผู้ใช้งานเมื่อมีการถามคำถามใกล้เคียงกับหัวข้อบทความที่มีเว็บไซต์ใดเว็บไซต์หนึ่งเขียนไว้

เขียนบทความให้มีภาษาพูดบ้างแต่ยังคงประโยชน์ของเนื้อหาเอาไว้ เพื่อให้รองรับการค้นหาด้วยเสียงที่อาจมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นในอนาคต

การแทรกรูปภาพบนเว็บไซต์ ควรตั้งชื่อไฟล์ภาพเป็น Keyword หลัก และเมื่อนำมาใส่ลงในเว็บไซต์ก็ควรระบุคำอธิบายภาพ (Alt Image) เป็น Keyword ด้วย

วิธี การทำ SEO ข้างต้น ถูกอัปเดตมาเพื่อให้รองรับการทำเว็บไซต์ใน พ.ศ.2563 ซึ่งนอกจากวิธีดังกล่าวแล้ว การพัฒนาเว็บไซต์ให้โหลดเร็ว รองรับต่อการใช้งานบนมือถือ คุณภาพของโดเมน จะทำให้เว็บไซต์ได้รับความน่าเชื่อถือจาก Search Engine ในการจัดลำดับขึ้นแสดงในหน้าผลการค้นหาอันดับต้น ๆ ได้

วิธีการทำ SEO ตัวเองสามารถทำได้ง่าย ๆ

SEO Marketing ยังจำเป็นอยู่ไหมในปี 2020

ด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนามากขึ้นทำให้อินเทอร์เน็ตกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของผู้คน และไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือที่สร้างความบันเทิงให้ชีวิตเท่านั้น เพราะอินเทอร์เน็ตกลายเป็นพื้นที่สื่อที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในปัจจุบัน และด้วยประโยชน์ในข้อนี้เอง จึงสามารถช่วยให้ผู้ประกอบการธุรกิจสามารถสร้างตัว สร้างแบรนด์ และสร้างรายได้ให้กับคนจำนวนมากได้ โดยมีคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต

แม้ว่าอินเทอร์เน็ตจะเป็นที่รู้จักมาเป็นเวลานาน แต่อินเทอร์เน็ตเป็นพื้นที่ที่ไม่มีวันหยุดนิ่งและมีแต่จะพัฒนามากขึ้น ทำให้ในปัจจุบันนี้จึงมีจำนวนคนที่ไม่ใช้อินเทอร์เน็ตน้อยมาก ดังนั้นการตลาดบน Social Media จึงมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะบนเว็บไซต์ Search Engine

เว็บไซต์ Search Engine คือ เว็บไซต์ที่มีไว้เพื่อค้นหาข้อมูลที่ถูกโพสต์ไว้บนอินเทอร์เน็ต โดย Google เป็นเว็บไซต์ Search Engine ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศไทยและระดับโลก ทำให้การที่แบรนด์หรือบุคคลที่ต้องการสร้างตัวตนหรือสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักจึงต้องใช้เทคนิค SEO Marketing

ในหมู่ Internet Marketing หรือนักการตลาดออนไลน์ SEO Marketing เป็นเทคนิคที่ถูกใช้มานานและยังคงจำเป็นอยู่ เพียงแต่ในปี 2020 นี้ การทำ SEO Marketing ด้วยเทคนิคแบบเดิม ๆ อาจใช้ได้ผลน้อยกว่าเพราะมีจำนวนผู้ที่ทำ SEO Marketing เพิ่มมากขึ้น

เทคนิคการทำ SEO Marketing ให้ได้ผล ในปี 2020 มีดังนี้

Featured Snippets คือ กล่องตอบคำถาม เมื่อมีการค้นหาคำที่ขึ้นต้นด้วยคำถาม เช่น วิธีทำ, วิธีการ, สูตรทำ เป็นต้น ซึ่งลักษณะของ Featured Snippets จะขึ้นมาเป็นกรอบสี่เหลี่ยมโดยมีคำถามที่ใกล้เคียงกับประโยคที่ถูกค้นหา โดยจะขึ้นมาในหน้าแรกของ Google ซึ่งวิธีทำ Featured Snippets สามารถทำได้ด้วยการหา Long Tails Keyword ในหมวดคำถามแล้วนำมาตั้งเป็นหัวข้อบทความและนำมาใส่ในเนื้อหาในปริมาณที่เหมาะสมก็จะทำให้เว็บไซต์แสดงขึ้นมาเมื่อมีคนค้นหาคำตอบด้วยการตั้งคำถามนั้น

Voice Search ด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกของผู้ใช้งาน ทำให้การค้นหาด้วยระบบเสียงเริ่มมีการพัฒนามากขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งเทคนิคง่าย ๆ เพื่อเตรียมพร้อมระบบการค้นหาด้วยเสียงที่จะเสถียรมากขึ้นในอนาคต การทำบทความ SEO Marketing ด้วยภาษาพูดจะทำให้เว็บไซต์หรือหน้าของบทความโชว์ขึ้นมาเป็นอันดับต้น ๆ บน เว็บไซต์ Search Engine

Google AI เป็นระบบที่พัฒนาขึ้นเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ในการค้นหาที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งานมากที่สุด โดย AI จะทำการเก็บลักษณะข้อมูลที่ผู้ใช้งานเปิดเข้าไปอ่านเนื้อหาด้านใน และนำข้อมูลเหล่านี้มาวิเคราะห์เพื่อแสดงผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงกับความชอบของผู้ใช้งานมากที่สุด

แม้ว่าเทคโนโลยีจะพัฒนามากขึ้น แต่การสร้างบทความที่มีคุณภาพลงเว็บไซต์อย่างสม่ำเสมอยังคงเป็นเทคนิคที่เกี่ยวข้องกับ SEO Marketing ทั้งสิ้น ดังนั้นการเรียนรู้เรื่อง SEO Marketing ยังคงสร้างผลลัพธ์ที่ดีต่อเว็บไซต์ได้

เทคนิคการทำ SEO Marketing ให้ได้ผล

การใช้ plugin Yoast SEO ให้อันดับ SEO ดีขึ้น

plugin Yoast SEO เป็นตัวช่วยให้การทำเว็บไซต์ SEO สมบูรณ์แบบ เมื่อมีการติดตั้งคู่กับโปรแกรม wordpress จะส่งผลบวกต่อการวิเคราะห์ SEO ให้มีการปรับแก้ไขได้ตรงจุดก่อนทำการส่งให้ระบบ algorithm ไปประมวลเปรียบเทียบกับเว็บไซต์อื่น ๆ ซึ่ง Yoast SEO มีให้ดาวน์โหลดใช้ทั้งแบบฟรีและแบบพรีเมี่ยม แนะนำให้ผู้ที่ทำเว็บไซต์ SEO ทดลองดาวน์โหลดแบบฟรีไปใช้งานก่อนเพื่อเรียนรู้ระบบและเปรียบเทียบกับผลการใช้ plugin อื่น ก่อนที่จะปรับเป็นแบบพรีเมี่ยมหากต้องการความคุ้มค่ายิ่งขึ้น

สิ่งที่ plugin Yoast SEO จะช่วยให้บทความ SEO มีอันดับการสืบค้นที่ดียิ่งขึ้นได้ มีดังนี้

ช่วยในการวิเคราะห์คุณภาพ keyword

ในบทความหนึ่ง ๆ ควรมี keyword ที่คัดเลือกมาจาก Google search Console ว่ามีสถิติการค้นหาสูง โดยกำหนดเป็นคีย์เวิร์ดหลัก 1 คำเท่านั้น ระบบทดสอบคุณภาพของ keyword ใน Yoast SEO จะให้ผู้ใช้งานคัดลอกไปใส่ในช่องว่างที่เขียนว่า Focus keyword แล้วจะทำการวิเคราะห์ออกมาอักษรพร้อมสัญลักษณ์ป้ายไฟสีแดงเหลืองเขียว หากเป็นสีเขียวก็ต้องค่อย ๆ ปรับแก้ไขเพิ่มขึ้น ตามคำแนะนำที่ระบบกำหนด

ช่วยคิดชื่อของบทความที่มีประสิทธิภาพในการจูงใจผู้อ่าน

ชื่อของบทความหรือ Title นั้นต้องมีการใส่ keyword ให้เหมาะสม ซึ่งมักตรงกับใน Focus keyword ในข้อ 1 ที่กล่าวมาแล้วของบทความ และมีความยาวมากพอจะสื่อสารถึงผู้อ่านได้ว่า ถ้าคลิกเข้ามาจะได้อ่านเนื้อหาเกี่ยวกับอะไร ซึ่ง Yoast SEO จะมีช่อง SEO Title ให้กรอกชื่อบทความ ถ้าใส่หัวข้อลงไปแล้วขึ้นเป็นดวงไฟสีส้มหรือแดงจะแปลว่า ความยาวบทความไม่เหมาะสม สั้นไป ยาวไป หรือ ไม่สามารถแข่งขันได้ดี ต้องปรับแก้จนกว่าจะเปลี่ยนสีเป็นสีเขียว

ความยาวของเนื้อหาแต่ละบทความ

โดยทั่วไปใน 1 บทความจะแบ่งเป็น ส่วนเกริ่นนำ ส่วนเนื้อหาและส่วนสรุป ซึ่งต้องมีการใส่ keyword กระจายทั่วไปด้วย ทั้งนี้ Yoast SEO จะมีระบบแนะนำว่าผู้เขียนควรใส่ความยาวของตัวอักษรไม่ต่ำกว่า 300 คำในแบบภาษาอังกฤษ ซึ่งเมื่อนำมาปรับเป็นภาษาไทยจะอยู่ที่ความยาวไม่ต่ำกว่า 700 คำ จึงจะมีอำนาจการแข่งขัน และทำให้เนื้อหามีความน่าสนใจยิ่งขึ้น การที่ Yoast SEO เป็นโปรแกรมที่ออกแบบมาเพื่อการวิเคราะห์ตัวอักษรที่เป็นภาษาอังกฤษ หากคุณทำเป็นบทความภาษาไทยประจำ ก็อาจจำเป็นต้องใช้ปลั๊กอินชนิดอื่นมาช่วยในการวิเคราะห์ด้วย

จะเห็นได้ว่า plugin Yoast SEO เป็นโปรแกรมที่น่าศึกษา โดยรวมแล้วใช้งานได้ง่ายและมีประสิทธิภาพในการส่งเสริม SEO หลากหลายด้าน การลงคอร์สเรียนหรือซื้อหนังสือมาอ่าน พร้อมกับพัฒนาเว็บไซต์ไปด้วย จึงเป็นการเรียนรู้การใช้งาน plugin Yoast SEO ที่ดี ที่จะทำให้เว็บไซต์ของคุณประสบผลสำเร็จที่ดียิ่งขึ้นแน่นอน

การใช้ plugin Yoast SEO ให้อันดับ SEO ดีขึ้น

SEO ประโยชน์ของการทำ SEO 2020

SEO ประโยชน์ของการทำ SEO 2020

SEO เป็นเทคนิคการตลาดออนไลน์ที่ได้รับความนิยมมาหลายปี ซึ่งนักการตลาดทั่วไปมักแนะนำให้ผู้ที่สนใจการค้าขายบนโลกอินเทอร์เน็ตศึกษาการทำ SEO ตั้งแต่เนิ่น ๆ ด้วย เรามาดูกันว่าในปี 2020 ผู้ที่ทำเว็บไซต์ขายของออนไลน์ จะยังได้รับประโยชน์อะไรจากการทำ SEO บ้าง

ทำ SEO มีประโยชน์อย่างไร

ประหยัดงบประมาณในการทำการตลาด – งบประมาณเป็นสิ่งที่จำเป็น เราต้องรัดเข็มขัดมากในยุคปัจจุบันที่ภาวะเศรษฐกิจไม่แน่นอน ทั้งจากปัจจัยในประเทศและสงครามการค้าระหว่างประเทศยักษ์ใหญ่ทางเศรษฐกิจ เช่น จีนกับสหรัฐฯ ผู้เชี่ยวชาญจึงแนะนำให้ผู้ที่ทำธุรกิจ ลดต้นทุนให้น้อยที่สุด เพื่อให้เหลือกำไรสำหรับการต่อยอดหรือสำรองในธุรกิจได้มากขึ้น

การทำ SEO ตามระบบ search engine optimization ของ Google เป็นสิ่งที่ทำให้เงินเหลือเก็บมากขึ้น เพราะเพียงแค่ ทำเว็บไซต์ SEO อย่างมีคุณภาพและใส่ใจที่จะพัฒนาปรับปรุงเนื้อหาสม่ำเสมอ ดูแลแก้ไขโครงสร้างให้ใช้งานง่าย สวยงามตามเทรนด์ผู้ใช้งาน ฯลฯ ก็จะมีโอกาสถูกจัดอันดับในการนำเสนอด้านบนของหน้าจอการสืบค้น Google ได้ตลอดทั้งปีโดยไม่เสียเงินค่าโฆษณาแม้แต่บาทเดียว

ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อให้กับแบรนด์สินค้า – ปัจจุบัน คนรุ่นใหม่นิยมซื้อสินค้าที่ได้รับเสียงตอบรับจากกลุ่มผู้ใช้งานจริงจำนวนมาก ว่าน่าพอใจและมีการรีวิวบอกต่อในโลกออนไลน์ เพราะเป็นสิ่งที่บอกว่าแบรนด์เหล่านั้นมีความน่าเชื่อถือสูง ไม่ใช่กลุ่มมิจฉาชีพ

เช่นเดียวกันกับการทำ SEO ให้กับเว็บไซต์ ถ้าทำอย่างสม่ำเสมอจนอยู่ในระดับสูงสุด Top 5 หรือ Top 10 ของหน้าต่างแสดงผลลัพธ์ของ Google หรือที่เรียกว่า SERPs จะเกิดผลลัพธ์ที่ดี คือทำให้ลูกค้าที่กำลังมองหาสินค้านั้น ๆ มีความมั่นใจว่า หากเข้าไปใช้บริการในเว็บไซต์ จะได้รับความพึงพอใจสูง ได้สินค้ามีคุณภาพดี และลดโอกาสที่จะถูกกลุ่มมิจฉาชีพหลอกลวงได้อย่างมาก

ช่วยให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายมากกว่าเดิม – การทำ SEO นั้น ส่วนที่เป็นหัวใจ คือ การผลิตบทความที่มีคุณภาพสูง ซึ่งปัจจุบันจะนิยมใช้คำสำคัญหรือ keyword ที่มีความจำเพาะเจาะจงกับเพศ อายุ และไลฟ์สไตล์ของลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย ผู้ที่ทำเว็บไซต์ SEO ที่อยู่ในอันดับต้น ๆ ของ Google มักมีการคัดเลือก keyword ให้มีความยาวและตรงกับลูกค้าเฉพาะกลุ่ม เช่น เมาส์เล่นเกมส์ E-sport มีไฟ RGB เป็นสินค้าเพื่อกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ชอบการเล่นเกมส์ออนไลน์ เป็นต้น เมื่อปรับเปลี่ยน keyword ให้ดี ก็เท่ากับเพิ่มโอกาสขายสินค้าให้แก่ลูกค้าเกือบทุกรายที่คลิกเข้ามาชมข้อมูล และทำให้อันดับ SEO ดีขึ้นแน่นอน

จะเห็นได้ว่า การทำเว็บไซต์ SEO ในปี 2020 ยังเป็นสิ่งสำคัญ ที่เจ้าของธุรกิจต้องทำต่อไปและต้องศึกษาเทรนด์ที่จะตามมาในปี 2020 อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้การทำ SEO ส่งเสริมธุรกิจเป็นไปอย่างเหมาะสมและถูกต้องตามวิธีการ

ทำ SEO มีประโยชน์อย่างไร

คนทำเว็บไซต์ SEO ต้องรู้ ปี 2020 เน้นด้านไหนดี

คนทำเว็บไซต์ SEO ต้องรู้ ปี 2020 เน้นด้านไหนดี

ในปี 2020 การแข่งขันในวงการธุรกิจออนไลน์สูงขึ้น เนื่องจากสภาพการณ์ไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมืองทั่วโลก ทำให้ทุกแบรนด์ต่างพยายามหากลยุทธ์เพื่อมาแข่งขันกัน การทำ เว็บไซต์ SEO จึงเป็นช่องทางที่ดี ทำให้เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงผู้บริโภคและช่วยเพิ่มยอดซื้อสินค้าได้มากขึ้น เรามาดูกันว่าในปี 2020 เจ้าของธุรกิจออนไลน์และผู้ดูแลเว็บไซต์ต้องเน้นการพัฒนาด้านใดบ้าง

แนวทางพัฒนาเว็บไซต์ SEO

1. long-tailed keyword

คำสำคัญที่คนใช้ค้นหาสินค้าหรือบทความจะมีลักษณะที่จำเพาะมากขึ้น เพื่อประหยัดเวลาในการสืบค้น ให้พุ่งตรงเป้าหมายมากที่สุด เช่น คนที่ต้องการเครื่องปรับอากาศรุ่นใหม่ ๆ ก็จะเพิ่มคำค้นหาด้วยคำว่า ประหยัดไฟ รับประกันนาน ดูแลง่าย เป็นต้น ซึ่งเว็บไซต์ที่ให้บริการสินค้านั้น ๆ ก็ต้องผลิตเนื้อหาที่มีข้อมูลเชิงลึกและเป็นข้อเท็จจริงที่น่าสนใจ จึงจะทำให้มีการเข้ามาสืบค้นข้อมูลบ่อย ๆ และทำให้ผู้บริโภคมั่นใจสั่งซื้อสินค้าได้

2. chatbot

กล่องข้อความอัตโนมัติเป็นตัวช่วยให้ภาพลักษณ์เว็บไซต์ทันสมัย และให้ความสะดวกในการตอบคำถามต่าง ๆ จากผู้บริโภค เช่น ให้ข้อมูลสินค้า หลักการทำงานของสินค้า วิธีการซื้อขาย เทคนิคแก้ปัญหาเบื้องต้นในการใช้สินค้า ฯลฯ มีการสำรวจพบว่าผู้บริโภคคนรุ่นใหม่มีความนิยมถามคำถามเกี่ยวกับสินค้าและบริการผ่าน chatbot มากขึ้นเป็นเท่าตัวในปีที่ผ่านมา หากคุณต้องการสร้างความประทับใจให้ลูกค้า ก็ไม่ควรพลาดในประเด็นนี้ด้วย

3. Podcast

เป็นช่องทางให้ความรู้และความบันเทิงที่กำลังได้รับความนิยม และเป็นผลบวกต่อการคิดคะแนนและอันดับ SEO เมื่อมีการอัปโหลดขึ้นเว็บไซต์บ่อย ๆ จะทำให้เกิดการแชร์และบอกต่อ ๆ ด้วย สาเหตุที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเพราะ Podcast เข้ากับไลฟ์สไตล์ที่สามารถทำกิจกรรมอื่น ๆ พร้อมกันได้ เช่น ขับรถ ออกกำลังกาย ทำอาหาร เลี้ยงลูก ฯลฯ

4. เป็นมิตรกับมือถือ

ปัจจุบันคนไทยกลุ่มวัยรุ่นถึงผู้สูงวัยที่มีกำลังซื้อสูง จำนวน 9 ใน 10 คน ใช้โทรศัพท์มือถือพกติดตัวตลอดเวลา ทั้งเพื่อการหาข้อมูลทางการศึกษา เล่นเกมส์ เล่นหุ้นออนไลน์ สั่งซื้อของทางอินเทอร์เน็ต ฯลฯ หากต้องการให้แบรนด์เป็นที่รู้จักง่ายขึ้น ก็ต้องทำเว็บไซต์ให้ใช้งานง่ายทางมือถือด้วย ซึ่งผู้ที่ทำเนื้อหาและภาพประกอบก็ควรลดขนาดภาพให้เล็กลง เพื่อลดการสิ้นเปลืองทรัพยากรในมือถือน้อยลง ไม่มีอาการสะดุดในการใช้งาน และใช้เวลาในการดาวน์โหลดลดลง

จะเห็นได้ว่า การพัฒนาเว็บไซต์ SEO ให้สอดคล้องกับความสนใจของผู้บริโภคเป็นสิ่งสำคัญ ช่วยดึงดูดความสนใจ เพิ่มโอกาสกลับมาใช้บริการซ้ำ และเพิ่มยอดขายได้ในระยะยาว เราหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ทำให้ทุกท่านนำไปปรับใช้กับเว็บไซต์ SEO ได้อย่างดีเพื่อบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจต่อไป

แนวทางพัฒนาเว็บไซต์ SEO