รวมประโยชน์ของการทำ SEO ในมุมมองของธุรกิจในตลาดออนไลน์

รวมประโยชน์ของการทำ SEO ในมุมมองของธุรกิจในตลาดออนไลน์

การส่งเสริมการขาย ขยายฐานลูกค้า เจาะกลุ่มเป้าหมายเรื่องเป็นเป้าหมายของหลากหลายธุรกิจ การมีตัวช่วยในการทำธุรกิจ ช่วยในการทำการตลาด โปรโมทสินค้า เพิ่มโอกาสในเชิงธุรกิจ การทำ SEO ก็ถือเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจไปสู่เป้าหมายได้เร็วขึ้น เช่นนั้นถ้าใครอยากทราบว่า SEO มีประโยชน์อย่างไรสำหรับการตลาดแบบออนไลน์ก็ตามไปรับชมรายละเอียดกันได้เลย 

ลำดับแรกขออธิบายความหมายในส่วนของ SEO ให้เข้าใจกันแบบง่าย ๆ ซึ่งถือเป็นกระบวนการหนึ่งในการที่จะช่วยให้เว็บไซต์ของแบรนด์มีโอกาสไปติดในหน้าการค้นหาของทาง google ลำดับหน้าต้น ๆ แม้ว่าวิธีการทำ SEO นั้นจะมีรายละเอียดและอาศัยองค์ประกอบหลากหลายส่วนแต่ก็เป็นวิธีการที่คุ้มค่าและมีความน่าสนใจ 

ข้อดีของการทำ SEO กับเว็บไซต์ของทางแบรนด์หรือธุรกิจ

  1. ช่วยให้เว็บไซต์ได้มีการพัฒนา ปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหา การจัดเรียง จัดวางตำแหน่งของเนื้อหา การเลือกคีย์เวิร์ดหรือคำสำคัญที่ใช่และมีประสิทธิภาพ รวมถึงการใส่คีย์เวิร์ดลงไปในเนื้อหาด้วยปริมาณและตำแหน่งที่มีความเหมาะสม การทำ Backlink และอื่น ๆ อีกมากมาย เรียกได้ว่าเป็นการยกระดับให้เว็บไซต์มีมาตรฐานที่สูงขึ้นเอื้อต่อการเข้าชมเว็บไซต์เลยทีเดียว
  2. ช่วยให้เว็บไซต์มีความน่าสนใจมากขึ้น เพิ่มอัตราการคลิกเข้ามารับชมเว็บไซต์มากขึ้น อย่างที่เราทราบกันดีว่าเวลาที่มีคนกดค้นหาคำสำคัญในหน้าการค้นหา ผลลัพธ์ที่ปรากฎขึ้นมาก็จะมีการไล่เรียงเว็บไซต์ต่าง ๆ ซึ่งถ้าหากว่าเว็บไซต์ที่อยู่ในหน้าแรก ๆ นั้นเป็นเว็บไซต์ของทางแบรนด์ก็จะทำให้มีโอกาสในการมีลูกค้าเพิ่มขึ้น แบรนด์ก็จะกลายเป็นที่รู้จักและเป็นที่จดจำเพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน ถือว่ามีประโยชน์หลายต่อเลยทีเดียว
  3. ไม่ต้องจ่ายเงินไปกับค่าโฆษณาสำหรับการโปรโมทเว็บไซต์ของทางแบรนด์ พูดอีกนัยหนึ่งก็คือเป็นแบบออร์แกนิคนั่นเอง แม้ว่าการทำ SEO จะมีหลายองค์ประกอบ หลากหลายส่วนที่ต้องใช้ความรู้ความสามารถทักษะต่าง ๆ มาปรับปรุงเว็บไซต์ให้ดีขึ้น เป็นไปในทิศทางที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคและเกณฑ์การประเมิน โดยจะต้องใช้ระยะเวลาและการทำอย่างสม่ำเสมอแต่ผลลัพธ์ที่ได้คือตอบโจทย์ในระยะยาวได้ดีกว่าเมื่อเทียบกับการต้องเสียเงินในการโปรโมทเว็บไซต์ผ่านทาง google ในทุก ๆ วัน

เป็นยังไงกันบ้างกับประโยชน์ของ SEO ที่ได้หยิบยกมาแนะนำกัน หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับผู้ที่ต้องการตีตลาดออนไลน์อย่างมั่นคง เพราะนอกจากจะช่วยให้เว็บไซต์มีความโดดเด่นขึ้นแล้วยังช่วยในเรื่องของคุณภาพของเว็บไซต์ที่ดีขึ้นด้วย โดยสามารถนำไปต่อยอดและปรับให้เข้ากับรูปแบบธุรกิจที่ต้องการ บอกเลยว่าปังแน่นอน  

แก้ไขคอนเทนท์บนหน้าเว็บยังไงให้ส่งผลดีต่อ SEO

แก้ไขคอนเทนท์บนหน้าเว็บยังไงให้ส่งผลดีต่อ SEO

การทำ SEO ไม่จำเป็นต้องเขียนคอนเทนต์ขึ้นมาใหม่เพียงอย่างเดียว เพราะบางครั้งเว็บไซต์ธุรกิจมีเนื้อหามากมายที่ถูกอัปโหลดเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว เพียงแค่คอนเทนต์เหล่านั้นยังไม่ตรงกับมาตรฐานของ SEO ซึ่งการจะแก้ไขให้มีคุณภาพดีขึ้นสามารถทำได้ง่าย ไม่ซับซ้อนอย่างที่ทุกคนคิด ซึ่งวันนี้เราจะพาทุกคนไปเรียนรู้ว่ามีเทคนิคการแก้ไขคอนเทนต์ยังไงให้ส่งผลดีต่อ SEO มากขึ้น

  1. แก้เนื้อหาท็อปฮิตก่อน

หลายคนอาจจะคิดว่าต้องแก้เนื้อหาที่ไม่ค่อยมีคนเข้ามาอ่านก่อน แต่จริง ๆ เนื้อหาที่ควรทำการปรับปรุงเป็นอันดับแรกคือคอนเทนต์ที่มียอดการเข้าชมมากที่สุด เพราะถ้าสามารถปรับเพจนี้ให้มีคะแนน SEO สูงขึ้นได้ จะช่วยเพิ่มยอดการมีส่วนร่วมของเว็บไซต์ให้เพิ่มอย่างรวดเร็ว ในขณะที่คอนเทนต์อื่น ๆ จะใช้เวลานานกว่าจึงจะเห็นผลต่ออันดับ SEO ดังนั้นคอนเทนต์เหล่านั้นจึงเหมาะกับการพัฒนาในระยะยาวมากกว่า

  1. อัปเดตเนื้อหาให้สดใหม่

หลายครั้งเนื้อหาที่ถูกอัพโหลดมาเป็นระยะเวลานาน ๆ แล้ว มักมีเนื้อหาที่ล้าสมัยเกินไป จนไม่มีใครสนใจที่จะกดเข้ามาอ่าน และไม่สามารถใช้อ้างอิงสถานการณ์ปัจจุบันได้อีกต่อไป ดังนั้นควรมีการอัปเดตเนื้อหาอย่างสม่ำเสมอ โดยอาจจะเป็นการเพิ่มข้อมูลปัจจุบัน หรือการเพิ่มกรณีศึกษาใหม่ ๆ อย่างทันเหตุการณ์ เพื่อดึงความสนใจของผู้อ่านให้ยังคงสนใจบทความเดิมที่อัพโหลดไว้

  1. ปรับคีย์เวิร์ดให้มีคุณภาพ

บางครั้งคีย์เวิร์ดเก่าที่ใช้อาจจะไม่ตรงมาตรฐานของตลาดในปัจจุบัน ดังนั้นต้องมีการคัดเลือกคีย์เวิร์ดใหม่ ๆ ที่มีอัตราการแข่งขันสูงขึ้น เพื่อให้สามารถเอาชนะคู่แข่งและดึงกลุ่มเป้าหมายเข้ามายังเว็บไซต์ได้มากขึ้น โดยคีย์เวิร์ดที่ดีควรจะมีทั้งคำทั่วไปและคำที่เฉพาะเจาะจง ควรเป็นคีย์เวิร์ดที่ไม่ยากเกินไปที่จะทำอันดับ และอย่าลืมว่าต้องมีความเกี่ยวข้องสอดคล้องกับเนื้อหาบนเว็บไซต์

  1. แก้ไข Title กับ Description

ปัญหาอาจจะไม่ได้อยู่ที่ตัวเนื้อหาเพียงอย่างเดียว ความน่าดึงดูดใจสามารถเพิ่มได้ด้วยการปรับปรุง Title ของเนื้อหาให้สามารถกระตุ้นความสนใจของผู้ใช้งานได้ เพราะสิ่งแรกที่พวกเขาเห็นคือหัวข้อ ต่อให้เนื้อหาจะดีขนาดไหน แต่ถ้าชื่อเรื่องไม่น่าสนใจ อาจจะไม่มีใครเข้ามาอ่าน นอกจากนั้นยังสามารถแก้ไข Description ของหน้าเพจให้มีคุณภาพมากขึ้น แน่นอนว่าทั้งสองส่วนนี้ควรมีคีย์เวิร์ดอยู่ด้วย จะส่งผลดีต่อ SEO มากที่สุด

  1. ใส่ Internal Link ไปเนื้อหาอื่น ๆ

ในหนึ่งเว็บไซต์มักมีเนื้อหาหลายประเด็นที่เกี่ยวข้องกัน อย่าปล่อยให้คอนเทนต์เหล่านั้นเสียเปล่า เพียงแค่สร้าง Internal Link เพื่อเชื่อมโยงไปยังหน้าเพจเหล่านั้น จะทำให้ผู้ใช้งานสามารถสืบค้นข้อมูลเพิ่มเติมได้ง่าย ๆ ตามที่ต้องการ จึงทำให้ส่งผลดีต่อการจัดอันดับ SEO

ถ้าสามารถดำเนินการตามขั้นตอนเหล่านี้จะทำให้คอนเทนต์เก่า ๆ มีคุณภาพตรงตามมาตรฐานของ Search Engine มากขึ้นอย่างแน่นอน จะทำให้อันดับบนเว็บไซต์ดีขึ้นและเพิ่มผลประโยชน์ทางธุรกิจได้อย่างชัดเจน

เลือกบริษัทรับทำ SEO อย่างไร ให้ธุรกิจของคุณปังไม่หยุด

เลือกบริษัทรับทำ SEO อย่างไร ให้ธุรกิจของคุณปังไม่หยุด

เพราะเราต่างก็ทราบกันดีว่า SEO นั้น ถือเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพและทรงพลัง สำหรับช่วยให้เว็บไซต์ของธุรกิจต่าง ๆ ได้ก้าวขึ้นมาอยู่ในอันดับต้น ๆ ในเสิร์ชเอนจินสำหรับโลกดิจิทัลมีเดีย และนั่นหมายถึงว่า โอกาสการมองเห็นจากลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของธุรกิจนั้น ๆ ก็ย่อมจะเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดไปด้วย และถือว่าเป็นผลกระทบในทางที่เป็นบวก ที่เข้ามาปฏิวัติแวดวงอีคอมเมิร์ช หรือธุรกิจการค้าในสมัยนี้อย่างมีนัยยะสำคัญ ส่งผลให้ธุรกิจมากมายประสบความสำเร็จอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ดังนั้นการเลือกที่บริษัทที่ปรึกษาการทำ SEO ที่เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ จึงถือเป็นกุญแจสําคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจของคุณได้รับผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมจากการทำ SEO

เลือกบริษัทรับทำ SEO อย่างไร ธุรกิจของคุณจึงจะปังไม่หยุด

SEO เป็นงานที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญ และต้องใช้ความทุ่มเทอย่างมาก คุณจึงจะได้เห็นความสำเร็จ และได้อยู่ในอันดับต้น ๆ หรือหน้าแรกบนเสิร์ชเอนจิ้น แต่การบรรลุเป้าหมายเช่นนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นการเลือกบริษัทรับทำ SEO ที่จะนำพาคุณไปถึงเป้าหมายได้ ก็จะต้องจะมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้

บริษัทควรจะมีผลงานในด้านการทำ SEO ที่ประสบความสำเร็จ

บริษัทรับทำ SEO นั้นๆ ควรจะมีผลงานในด้านการทำ SEO ให้กับลูกค้า และประสบความสำเร็จอย่างดีเยี่ยม ซึ่งถือเป็นเรฟเฟอร์เร้นซ์สำคัญลำดับแรก เพราะนั่นจะหมายถึงบริษัทดังกล่าวย่อมจะมีความเชี่ยวชาญ และคุณก็จะสามารถคาดหวังผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจได้ด้วย ดังนั้นจงใช้เวลาสำหรับการศึกษาประวัติและผลงานของบริษัทรับทำ SEO ก่อนตัดสินใจเลือก

บริษัทควรจะนำเสนอแนวทางเชิงกลยุทธ์ที่เป็นรูปธรรม

เพราะการเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับกลไกการค้นหาเว็บไซต์นั้น ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการวางแผนกลยุทธ์ โดยมีศักยภาพควบคู่ไปกับการสอดรับกับความล้ำหน้า ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา ดังนั้นบริษัทที่ปรึกษารับทำ SEO จึงควรจะต้องมีความเชี่ยวชาญ และมีแนวทางที่ชาญฉลาด ที่จะสามารถบูรณาการความล้ำหน้า และทิศทางของการตลาดไปได้พร้อม ๆ กันได้ และนี่ก็คือคุณสมบัติอีกประการหนึ่งที่สำคัญ คุณสมบัติในด้านของประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญทางด้านเทคนิค SEO นั่นเอง

หากคุณตัดสินใจที่จะใช้ SEO เป็นเทคนิคการตลาดของคุณ การจ้างที่ปรึกษา SEO ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ความรู้ ย่อมจะช่วยให้บริษัทของคุณดำเนินการไปตามทิศทางที่ถูกต้อง โดยไม่เสียเวลาไปกับการลองถูกลองผิด ในฐานะเจ้าของธุรกิจคุณจึงสามารถประหยัดเวลาได้อย่างมากมาย ซึ่งย่อมจะยังประโยชน์ให้คุณสามารถใช้เวลาไปกับการพัฒนาธุรกิจ หรือผลิตภัณฑ์ หรือสิ่งสำคัญด้านอื่น ๆ ได้มากขึ้น และเมื่อนำมาบูรณาการกับ SEO แล้ว เราเชื่อว่าหนทางแห่งการประสบความสำเร็จของคุณนั้น ก็จะอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมอีกต่อไป เลือกบริษัทรับทำ SEO ที่เหมาะสม แล้วคุณจะประสบความสำเร็จได้ก่อนใครอย่างแน่นอน

ทำ SEO ต้องรู้ ออกแบบเว็บไซต์อย่างไรให้ถูกใจกลุ่มเป้าหมาย ติดหน้าแรกการค้นหา

ทำ SEO ต้องรู้ ออกแบบเว็บไซต์อย่างไรให้ถูกใจกลุ่มเป้าหมาย ติดหน้าแรกการค้นหา

ในยุคที่ใคร ๆ ต่างค้นหาข้อมูลสินค้า บริการ รวมถึงรีวิวต่าง ๆ ผ่าน Search Engine จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่หลากหลายธุรกิจต่างหันมาทำ SEO เพื่อเพิ่มโอกาสในการเจาะกลุ่มเป้าหมาย ผลักดันให้เว็บไซต์ตัวเองติดหน้าแรกการค้นหา ซึ่งการทำให้เว็บไซต์ติดหน้าแรกการค้นหานั้น สิ่งสำคัญคือคะแนนความนิยมจากกลุ่มเป้าหมาย เพราะยิ่งเว็บไซต์มี Traffic ดีมากเท่าไหร่ คะแนนจาก Search Engine ย่อมดีขึ้นมากเท่านั้น เพราะฉะนั้นคนทำ SEO จึงควรออกแบบเว็บไซต์ให้โดนใจกลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้เว็บไซต์ติดหน้าแรกอย่างง่ายดาย

คนทำ SEO ต้องรู้ ! ออกแบบเว็บไซต์อย่างไรให้ถูกใจกลุ่มเป้าหมาย เพิ่มคะแนน Search Engine

– คอนเทนต์สดใหม่ 

คอนเทนต์ นับเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญในการทำ SEO ให้ประสบความสำเร็จ เพราะคอนเทนต์ที่สดใหม่ อินเทรนด์ และไม่ลอกเลียนแบบเว็บไซต์อื่น คือสิ่งล่อใจให้กลุ่มเป้าหมายกดเข้ามาชมเว็บไซต์คุณมากยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้นคอนเทนต์จึงต้องอัปเดตตลอดเวลา มีเนื้อหาอินเทรนด์ ที่สำคัญต้องตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย และเมื่อกลุ่มเป้าหมายคลิกเข้าชมเว็บไซต์บ่อย ๆ โอกาสที่ได้คะแนนจาก Search Engine ก็มีมากขึ้นเช่นกัน

– เว็บไซต์สวยงาม หาข้อมูลที่ต้องการได้ง่าย

การออกแบบเว็บไซต์ให้สวยงาม น่าสนใจ และเป็นระเบียบ จะทำให้กลุ่มเป้าหมายแวะมาเยี่ยมชมเว็บไซต์บ่อย ๆ เพราะนอกจากเว็บไซต์น่าดึงดูดใจแล้ว การค้นหาข้อมูลสินค้าและบริการยังหาง่าย ถูกจัดไว้เป็นหมวดหมู่ กลุ่มเป้าหมายไม่รู้สึกสับสนและไม่หงุดหงิดจนต้องเปลี่ยนไปหาข้อมูลจากเว็บไซต์อื่น ดังนั้น คนทำ SEO ควรออกแบบเว็บไซต์ให้สวยงาม เป็นระเบียบ และต้องมั่นใจว่ากลุ่มเป้าหมายสามารถกดค้นหาข้อมูลได้อย่างไม่ยุ่งยาก

– เข้าใช้งานเว็บไซต์ได้รวดเร็ว 

คงไม่มีใครอยากเข้าใช้งานเว็บไซต์ที่ช้า หรือต้องใช้เวลานานกว่าจะเข้าสู่เว็บไซต์ได้ ยิ่งหากเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่อย่างกลุ่ม Gen Z ที่ชอบเทคโนโลยี รักความสะดวกสบาย และต้องการเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายและรวดเร็ว ยิ่งจำเป็นต้องออกแบบ Page Speed ให้ตอบโจทย์ความต้องการของคนกลุ่มนี้ เพราะหากเว็บไซต์ช้า ใช้เวลาดาวน์โหลดนาน โอกาสที่กลุ่มเป้าหมายกดปิดหน้าเว็บไซต์จะมีสูง เสียโอกาสทำการตลาดไปอย่างน่าเสียดาย

– แสดงผลได้แบบ Mobile Friendly

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าผู้บริโภคนิยมค้นหาข้อมูลสินค้าและบริการในสมาร์ตโฟนมากกว่าในคอมพิวเตอร์ สังเกตจากพฤติกรรมการใช้สมาร์ตโฟนที่มีให้เห็นทั่วไป การออกแบบเว็บไซต์นอกจากต้องพิจารณาความสวยงามและการใช้งานง่ายแล้วยังจำเป็นต้องแสดงผลได้ฟิตพอดีจอสมาร์ตโฟน เมื่อกดเข้าเว็บไซต์แล้ว ภาพหรือข้อความต้องไม่ใหญ่หรือเล็กเกินไป เพื่อเพิ่มประสบการณ์การใช้งานที่ดีแก่กลุ่มเป้าหมาย 

เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคมีส่วนสำคัญในการผลักดันให้เว็บไซต์ติดหน้าแรก ดังนั้น คนทำ SEO จึงต้องออกแบบเว็บไซต์ให้โดนใจและตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย นอกจากนี้ยังต้องพัฒนาสินค้าและบริการให้มีคุณภาพ ควบคู่ไปกับการติดตามเทรนด์การทำ SEO ที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เพียงเท่านี้เชื่อว่าเว็บไซต์ของคุณจะเป็นที่รู้จักมากขึ้นและมีโอกาสติดหน้าแรกการค้นหาได้อย่างไม่ยาก

เปิด 3 เปิดเหตุผล ทำไม SEO จึงสำคัญต่อธุรกิจของคุณ

เปิด 3 เปิดเหตุผล ทำไม SEO จึงสำคัญต่อธุรกิจของคุณ

ปัจจุบันโลกของเทคโนโลยีที่สามารถเข้าถึงทุกคนได้อย่างง่ายดาย แน่นอนว่าการแข่งขันในโลกธุรกิจจึงมากขึ้นตามไปด้วย เพียงแค่คุณต้องการจะหาซื้อสินค้า อาหาร หรือของใช้ต่าง ๆ เพียงแค่คลิกเดียวก็สามารถเลือกสรรได้ตามต้องการ ดังนั้นในโลกของนักธุรกิจ จึงต้องการช่วงชิงตำแหน่งของการที่ลูกค้าจะมองเห็นได้ง่ายและเร็วที่สุด เพื่อเปิดโอกาสให้กับธุรกิจของตนเอง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือวิธีการทำ SEO นั่นเอง แล้วการทำ SEO คืออะไร สำคัญอย่างไรต่อธุรกิจของคุณ วันนี้มีคำตอบมาฝากกัน

ปฏิเสธไม่ได้ว่าบริษัทต่าง ๆ หรือคนทำธุรกิจ มักใช้ SEO เพื่อเพิ่มโอกาสให้คนเข้าถึงเว็บไซต์ของเรามากขึ้น โดย SEO ย่อมาจาก Search Engine optimization คือ การปรับแต่งเว็บไซต์ให้สอดคล้องกับการทำงานของ Search Engine ซึ่งเป้าหมายของการทำ SEO คือ ทำให้เว็บไซต์ของคุณ ปรากฏในลำดับต้น ๆ ของผลการค้นหา ทั้งนี้ จากการศึกษาพบว่าการปรับแต่งโปรแกรมค้นหา สามารถให้ผลตอบแทนจากการลงทุนได้มากกว่าวิธีการทางการตลาดและการโฆษณาอื่น ๆ อีกด้วย นั่นจึงเป็นคำตอบว่าทำไมการทำ SEO จึงสำคัญต่อการทำธุรกิจ

  1. SEO เพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์

การจัดอันดับที่ดีของเว็บไซต์ คาดว่าจะนำไปสู่การเข้าชมเว็บที่เพิ่มขึ้น การทำ SEO ยังได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นกลยุทธ์การตลาด ที่ช่วยให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับ สามารถสร้างการเข้าชมได้มากกว่าการตลาดรูปแบบอื่นทั้งหมดรวมกัน

  1. SEO เพิ่มความน่าเชื่อถือ 

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการที่เว็บไซต์ของคุณอยู่ในอันดับสูงในหน้าผลลัพธ์ของเครื่องมือค้นหา หมายความว่าเว็บไซต์ของคุณมีแนวโน้มว่ามีคุณภาพสูงและมีความน่าเชื่อถือ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างดีเลยทีเดียว

  1. SEO ช่วยกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสมได้

การใช้ SEO เป็นกลยุทธ์ที่มีแนวโน้มว่ากลุ่มลูกค้าจะเข้าถึงธุรกิจของคุณได้ดียิ่งขึ้น ยิ่งการกำหนดคำหลักเฉพาะโดยใช้ SEO เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและดึงดูดลูกค้าในอนาคตได้เป็นอย่างดี เช่น หากคุณเปิดขายเสื้อผ้าของผู้หญิง และใช้คำหลักที่เกี่ยวข้องกับกระโปรง หรือเสื้อยืด ก็มีแนวโน้มว่า คุณจะได้รับจำนวนผู้ชมที่เข้ามาชมเว็บไซต์เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมได้อีกด้วย หรือถ้าคุณทำเว็บไซต์เกี่ยวกับบอล หลักการใช้คำที่เกี่ยวข้องกับตารางบอลพรุ่งนี้ โปรแกรมบอล ก็สามารถเพิ่มยอดคนเข้าถึงเช่นกัน

การใช้ SEO มาเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ของการทำธุรกิจ นอกจากจะทำให้กลุ่มเป้าหมายเข้าถึงเว็บไซต์ของเราได้อย่างดีแล้ว ยังมีแนวโน้มสูงที่ลูกค้าจะกลับมาที่เว็บไซต์ของคุณเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ แล้วซื้อผลิตภัณฑ์เหล่านั้นอีกครั้ง ดังนั้นการเลือกกลยุทธ์ SEO ที่เหมาะสมจะทำให้ธุรกิจของคุณเติบโต และสามารถกำหนดเป้าหมายลูกค้าของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การทำคอนเทนต์ SEO ช่วยเพิ่มยอดขายให้ธุรกิจได้อย่างไร

การทำคอนเทนต์ SEO ช่วยเพิ่มยอดขายให้ธุรกิจได้อย่างไร

เพราะยอดขายถือเป็นตัวชี้วัดหนึ่งที่จะบอกได้ว่าธุรกิจของเรานั้นจะประสบความสำเร็จหรือไม่ แล้วกำไรที่ตั้งเป้าไว้จะเป็นไปอย่างที่ต้องการหรือเปล่า นั่นหมายความว่าธุรกิจจำเป็นที่จะต้องพยายามหาวิธีที่จะเพิ่มยอดขายให้ได้มากที่สุด และหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างยอดขายให้มากขึ้นได้นั่นก็คือการทำคอนเทนต์ SEO

วิธีสร้างยอดขายให้มากขึ้น

1. การเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น ด้วยการทำคอนเทนต์ SEO จะช่วยให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้นผ่านการค้นหาบน Google ด้วยคอนเทนต์คุณภาพที่มีการเลือกใช้ Keyword สำคัญซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าสามารถค้นเจอกับสิ่งที่ตัวเองสนใจหรือสินค้าที่กำลังต้องการได้ง่ายกว่า นั่นทำให้โอกาสที่ธุรกิจจะเจอกันกับลูกค้าตรงกลุ่มก็ยิ่งมีมากขึ้น

2. การดึงลูกค้ามาจากคู่แข่ง การทำ SEO ให้ธุรกิจติดอันดับจากการค้นหาของ Google แม้เพียง 1 อันดับก็มีผลต่อการดึงลูกค้าจากคู่แข่งได้มาก เพราะจากค่าเฉลี่ยแล้ว ทุก ๆ ความต่าง 1 อันดับที่เปลี่ยนไปจะส่งผลต่อการที่ลูกค้าจะเลือกคลิกเข้ามาที่เว็บไซต์นั้นต่างกันถึง 30% และถ้าเว็บของคุณอยู่ที่อันดับ 1 ก็จะยิ่งมีอัตราการคลิกเข้ามาสูงกว่าอันดับที่ 10 ถึง 10 เท่า นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมธุรกิจที่มีการแข่งขันสูงถึงใส่ใจในอันดับของตัวเองบน Google เป็นอย่างมาก

3. Brand Awareness ที่มาพร้อมกับยอดขาย หนึ่งกลยุทธ์ในการทำ SEO สามารถที่จะสร้างให้เกิดการสร้าง Brand Awareness ได้ ซึ่งนั่นจะส่งผลให้ลูกค้าเกิดความไว้วางใจ และรับรู้ว่าธุรกิจจะสามารถส่งมอบอะไรที่ตอบโจทย์ความต้องการให้ได้บ้าง เมื่อเกิดการจดจำแล้วสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปก็คือการตัดสินใจซื้อสินค้านั่นเอง

4. น้อยแต่มาก ติดลมบน อย่างที่รู้กันว่าการทำคอนเทนต์ SEO ให้ธุรกิจติดอันดับต้น ๆ ในผลการค้นหาของ Google เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาเป็นเดือน ๆ กว่าจะเห็นผลได้ แต่ที่สำคัญคือหากเว็บไซต์ของธุรกิจได้ติดอันดับแล้วก็จะถือว่าติดลมบน เพียงการดูแลอัปเดตเว็บและคอนเทนต์เล็กน้อยแต่ต่อเนื่องก็จะช่วยรักษาอันดับไว้ได้นานแล้ว ถ้ามองในมุมการขายก็แปลว่าสินค้าของธุรกิจเป็นสินค้าที่ติดตลาดแล้วนั้นเอง

5. รู้จริงใครก็เชื่อ การนำเสนอคอนเทนต์คุณภาพที่มีเนื้อหาที่น่าสนใจ และเป็นการให้ความรู้แก่ลูกค้า จะช่วยสร้างให้เกิดความไว้วางใจในความเชี่ยวชาญของธุรกิจ ที่ส่งผลไปถึงการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าของธุรกิจมากกว่าจะไปเลือกซื้อจากคู่แข่ง

การตั้งเป้าเพิ่มยอดขายด้วยกลยุทธ์การทำคอนเทนต์ SEO คุณภาพ จะช่วยให้ธุรกิจสร้างรายได้ที่มากขึ้นเรื่อย ๆ ต่อเนื่องในระยะยาวได้มากกว่า ทั้งยังเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด และถึงแม้ว่าจะค่อนข้างใช้เวลาสักหน่อยแต่รับรองเลยว่าผลลัพธ์นั้นคุ้มค่าแน่นอน

ทำ SEO สินค้า ให้ติดอันดับ อัปยอดขายให้ธุรกิจออนไลน์

ทำ SEO สินค้า ให้ติดอันดับ อัปยอดขายให้ธุรกิจออนไลน์

การทำ SEO ให้หน้าเว็บไซต์ของธุรกิจติดอันดับในการค้นหาของ Google คือเป้าหมายพื้นฐานสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจสามารถเอาชนะคู่แข่งในตลาดด้านของการเข้าถึงลูกค้าผ่าน Search Engine ได้ แต่เท่านั้นยังไม่พอ ถ้าอยากจะสร้างความได้เปรียบด้านการขาย ธุรกิจต้องใช้กลยุทธ์การทำ SEO ให้กับสินค้าไปพร้อมกันด้วย

1. ชื่อสินค้าต้องเข้าถึงง่าย สิ่งสำคัญข้อแรกสุดสำหรับการทำ SEO ให้กับตัวสินค้าก็คือการเลือกใช้ชื่อสินค้าในหน้าเว็บไซต์ให้ง่ายและรองรับกับการค้นหา วิธีที่ดีคือการตั้งชื่อสินค้าให้รับกับ Keyword โดยทั่วไปแล้วจะนิยมตั้งชื่อสินค้าประมาณ 60 ตัวอักษร โดยนับรวมกับพวกคุณสมบัติต่าง ๆ อย่างชื่อสินค้า + ยี่ห้อหรือแบรนด์ + ขนาด เป็นต้น

2. คำอธิบายสินค้าคือสิ่งที่ขาดไม่ได้ ตรงนี้ต่อให้ไม่ได้คิดถึงหลัก SEO เวลาจะขายของ พวกคำอธิบายสินค้าก็คือของที่จะไม่ใส่เข้าไปไม่ได้อยู่แล้ว เพราะคำอธิบายสินค้าคือเนื้อหาที่จะช่วยให้ลูกค้าเกิดความเข้าใจในสินค้าและทำให้เราปิดการขายได้ สำหรับวิธีการใส่คำอธิบายควรมีการนำ Keyword เข้ามาใส่ในนี้ด้วย เพื่อเพิ่มโอกาสในการให้หน้าเว็บติดอันดับ

3. อย่าลืมเรื่องการโหลดหน้าเว็บ เป็นปกติที่หน้าขายสินค้าจะต้องเต็มไปด้วยภาพ ข้อความ หรือบางเว็บก็จะมีวิดีโอรีวิวด้วย ตรงนี้ต้องระวังให้ดี เพราะถ้าเราอัด Media ที่ใหญ่และหนักเกินไป จะทำให้คะแนนการโหลดหน้าเว็บของเราดึงอันดับให้ร่วงได้

4. Title กับ Description ช่วยได้ เพื่อให้หน้าสินค้าของเราขึ้นมาอยู่ในอันดับต้นของการค้นหาผ่าน Google แบบสวย ๆ การออกแบบการเขียนเนื้อหาเกี่ยวกับสินค้าในส่วนที่เป็น Title กับ Description ที่จะไปโผล่อยู่หน้าผลการค้นหาควรจะมีการใส่ Keyword สำคัญที่เกี่ยวกับสินค้าเข้าไปด้วย เพื่อใช้ส่วนนี้เป็นตัวดึงอันดับหน้าเว็บของเราขึ้นมา

5. Mobile Friendly ช่วยปิดการขายได้ เพราะในการทำเว็บไซต์ของธุรกิจเดี๋ยวนี้จะเน้นการแสดงผลแต่ใน Desktop อย่างเดียวไม่ได้แล้ว หน้าเว็บไซต์ของธุรกิจจะต้องแสดงผลได้ดีเป็น Mobile Friendly ด้วย ซึ่งเจ้า
Mobile Friendly นี้มีความสำคัญมากกว่าแค่ในแง่ของความง่ายในการใช้ แต่มันยังส่งผลถึงการตัดสินใจกดซื้อสินค้าที่หน้าเว็บด้วย และในอนาคตก็คาดกันว่า Google จะเอาเรื่อง Mobile Friendly มาใช้ในการจัดอันดับเว็บไซต์ด้วยเหมือนกัน

ด้วยการทำ SEO ให้กับสินค้า จะช่วยสร้างยอดขายให้กับธุรกิจได้มากขึ้น เป็นเหมือนกับทางลัดที่จะพาลูกค้าที่มีความต้องการซื้อสูงเข้ามาเจอกับสินค้าของเราในทันที เป็นอีกกลยุทธ์ที่สำคัญที่จะช่วยธุรกิจในการขยายฐานลูกค้าและสร้างรายได้ไปพร้อมกัน

Well Targeted Content

รวมปัจจัยในการทำ SEO ให้ติดอันดับการค้นหา

สิ่งที่ปรารถนามากที่สุดสำหรับคนทำเว็บไซต์ คือ การได้เห็นเว็บไซต์ของตนเองติดอันดับในการค้นหามากที่สุด แน่นอนว่าอัลกอริทึมของ Search Engine มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่จะทำให้คุณสมปรารถนา แต่จะมีปัจจัยใดบ้างนั้น วันนี้เราได้รวบรวมข้อมูลบางส่วนที่คาดว่าจะเป็นปัจจัยสำคัญในการค้นหาของ Search Engine ให้เว็บไซต์ติดอันดับได้

Well Targeted Content – การสร้างเนื้อหาให้ตรงกับเป้าหมาย สิ่งแรกที่ควรจะทำนั่นคือการระบุเนื้อหา ข้อมูลหรือสิ่งที่จะทำให้ตรงตามความต้องการของคนที่จะค้นหาและมีคุณภาพมากที่สุด

Crawlable Website – เว็บไซต์ได้รับการออกแบบโครงสร้างให้สามารถจัดเก็บข้อมูลได้ง่าย

Quality & Quantity of Link – เว็บที่ดีมีคุณภาพ มักจะได้รับการอ้างอิงและทำเป็นลิงก์กลับมาหาเว็บไซต์ของคุณ ยิ่งมีการอ้างอิงมากเท่าไร นั่นหมายความว่าเว็บคุณเป็นเว็บที่ดีมีคุณภาพและน่าเชื่อถือสำหรับ Search Engine

Satisfies User Intent – รูปแบบของเนื้อหาหรือข้อมูลบนเว็บไซต์จะต้องสอดคล้องกับคนใช้งาน หรือพูดง่าย ๆ คือ คนที่ค้นหาได้ข้อมูลที่ถูกต้องและใช้เวลาบนเว็บไซต์นาน ๆ และมีความสุขจากการค้นหา

Unique Content – เนื้อหาและข้อมูลทั้งหมดจะต้องไม่ซ้ำกัน

Expertise, Authority, Trust (EAT) – ความเชี่ยวชาญ อำนาจ และความน่าเชื่อถือ เป็นเกณฑ์การประเมินเว็บที่มีคุณภาพของ Google ดังนั้น ในการสร้างบทความ เนื้อหา ความรู้ ที่มีความน่าเชื่อถือ ควรเน้นไปที่สิ่งที่เกี่ยวข้องกับเว็บเท่านั้นและควรทำอย่างมีคุณภาพ

Fresh Content – เนื้อหาบนเว็บไซต์ควรมีการอัปเดตใหม่เสมอ ๆ

Click-Through Rate (CTR) – อัตราการคลิกและการมองเห็น เพื่อสร้างโอกาสให้คนคลิกเข้าไปในเว็บไซต์ของคุณมาก ๆ ควรตั้ง Title tag, Meta description ให้มีความน่าสนใจและโดดเด่น เพื่อที่จะชวนให้คนคลิกเข้าเว็บไซต์ของคุณ

Website Speed – ความเร็วในการโหลดหน้าเว็บเพจต่าง ๆ คุณควรตรวจสอบหน้าเว็บไซต์อยู่ตลอดเวลา การเชื่อมโยงภายในเว็บยังทำงานได้ดีหรือไม่ โหลดเร็วหรือช้า หากพบเห็นก็ควรปรับปรุงและแก้ไข

Work on Any Device – เว็บไซต์ต้องได้รับการออกแบบให้สามารถทำงานได้ทั้ง คอมพิวเตอร์ แท็บเลต มือถือ หรือทุกอุปกรณ์ที่เปิดเข้าใช้งานและลองรับการใช้งานทุกระบบปฏิบัติการ

จะเห็นว่าปัจจัยทั้งหมดที่กล่าวมาถือเป็นปัจจัยพื้นฐานที่ Search Engine จะใช้ในการค้นหา โดยจะเน้นหนักไปที่ EAT หรือการทำให้เนื้อหามีคุณภาพ น่าเชื่อถือจากผู้มีความชำนาญอย่างแท้จริง สามารถนำข้อมูลภายในเว็บไซต์ไปอ้างอิงให้เกิดประโยชน์ต่อคนหมู่มากได้ นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องและส่งผลดีต่อการจัดอันดับของเว็บไซต์ได้ คือ ปริมาณของเนื้อหาต่อ 1 บทความ, รูปภาพประกอบจะต้องไม่ละเมิดสิทธิ์หรือมีลิขสิทธิ์ของผู้อื่น, มีการแชร์ข้อมูลบนโซเชียลต่าง ๆ และที่สำคัญต้องมีการทำ HTTPS

หากคุณทำเว็บไซต์ของคุณให้ครบตามปัจจัยที่กล่าวมานี้ทั้งหมด เชื่อได้ว่าโอกาสที่เว็บไซต์จะสามารถติดอันดับการค้นหาได้ไม่ยาก

data analytical skill

data analytical skill ทักษะที่ขาดไม่ได้และเป็นที่ต้องการในอนาคต

data analytical skill หรือทักษะในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ทักษะด้านการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกที่มีความสำคัญในการออกแบบกลยุทธ์ทางการตลาดที่จำเป็นในปัจจุบันและอนาคต ทำให้ผู้ที่มีทักษะด้านนี้เป็นที่ต้องการของบริษัทชั้นนำ โดยฐานเงินเดือนเริ่มต้นของ data analyst หรือนักวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกอยู่ที่ประมาณ 4 – 5 หมื่นบาทและหากเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ ความชำนาญจะสามารถเรียกเงินเดือนได้สูงถึงหลักแสนบาทต่อเดือนเลยทีเดียว

data analyst ทําอะไรบ้าง หน้าที่ของนักวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกไม่เพียงแต่สามารถจัดเก็บข้อมูลของผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ยังต้องเป็นผู้ที่รู้จักเลือกใช้เครื่องมือที่สามารถดึงข้อมูลที่แท้จริงของผู้บริโภคร่วมกับการนำข้อมูลเชิงลึกต่าง ๆ มาวิเคราะห์หาความต้องการ หรือปัญหาที่ผู้บริโภคกำลังเผชิญเพื่อนำมาต่อยอดในการพัฒนากลยุทธ์ทางการตลาดได้ โดยทักษะพื้นฐานของ data analyst ที่เว็บไซต์การตลาดชั้นนำได้ระบุเอาไว้ ได้แก่

– ทักษะด้านการดึงข้อมูลและจำแนกข้อมูล (Data cleaning and preparation) นักวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกจะต้องรู้จักหาข้อมูลของผู้บริโภคและทำการจำแนกข้อมูลออกเป็นตัวเลข หรือเป็นหมวดหมู่เพื่อให้ง่ายต่อการนำข้อมูลมาใช้ในอนาคต

– การวิเคราะห์ข้อมูล (Data analysis and exploration) เพื่อหาความเกี่ยวข้อง หรือแนวโน้มที่มีความน่าจะเป็นและเกี่ยวข้องกับธุรกิจที่จะสามารถนำมาสร้างมูลค่าให้กับธุรกิจได้

– ทักษะด้านสถิติ (Statistical knowledge) ความรู้ด้านสถิติเป็นเครื่องมือที่ช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลที่มีความถูกต้อง แม่นยำยิ่งขึ้น

– การนำเสนอข้อมูล (Creating data visualizations) นักวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกจะต้องมีความเชี่ยวชาญในการนำเสนอข้อมูลในรูปแบบที่เข้าใจง่ายมากที่สุดอย่างการทำแผนภูมิต่าง ๆ เพราะจะช่วยให้เห็นภาพรวมของข้อมูลได้ง่ายขึ้น

– การจัดเตรียมรายงาน (Creating dashboards and reports) การจัดเตรียมรายงานเป็นขั้นตอนที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการส่งต่องานให้กับผู้อื่นที่เกี่ยวข้องและต้องการนำข้อมูลไปใช้

– ทักษะด้านการสื่อสาร (communication) ทักษะการสื่อสารเป็นทักษะที่ทำให้นักวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกสามารถฟังข้อมูลที่ผู้บริโภคต้องการจะสื่อความหมายเข้าใจและรอบคอบ รวมถึงสามารถสื่อให้ผู้อื่นเข้าใจความหมายได้อย่างชัดเจน

หากอยากเป็น data analyst ต้องเรียนคณะอะไร? สำหรับในประเทศไทยโดยส่วนใหญ่แล้ว data analyst มักจะจบการศึกษาระดับปริญญาโท ด้านวิศวกรรมศาสตร์หรือคณิตศาสตร์ หรือสารสนเทศข้อมูล หรือวิทยาการคอมพิวเตอร์ เป็นต้น แต่หากต้องการเรียนด้าน data analyst โดยตรงจะมีสถานศึกษาเพียงไม่กี่แห่งที่มีหลักสูตร data analyst โดยเฉพาะ เช่น คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ สาขา Data Science & Business Analytics (DSBA) สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เป็นต้น

หากใครที่กำลังมองหาช่องทางอาชีพที่มีความมั่นคงและมีอนาคต อาชีพ data analyst เป็นอาชีพหนึ่งที่บริษัทชั้นนำหลายแห่งเปิดรับสมัครงาน หรือหากต้องการโอกาสทางธุรกิจการศึกษาเกี่ยวกับ data analytical skill เป็นทักษะหนึ่งที่มีความจำเป็นในอนาคตที่ขาดไม่ได้

SEO ช่วยเรื่องการตลาดออนไลน์ได้อย่างไร

SEO ช่วยเรื่องการตลาดออนไลน์ได้อย่างไร

ในยุคปัจจุบันการตลาดเพียงหน้าร้านอย่างเดียว ไม่เพียงพอที่จะช่วยกระตุ้นยอดขายได้อีกต่อไป นับแต่การเข้ามาของธุรกิจ Ecommerce และการระบาดของโรคโควิด – 19 ทำให้ยอดการสั่งซื้อสินค้าทางออนไลน์ เพิ่มขึ้นอย่างมาก จนบางบริษัทไม่จำเป็นต้องใช้หน้าร้านอีกต่อไป เน้นทำการตลาดบนเว็บไซต์แทน เพื่อให้คนเห็นสินค้าได้ง่ายกว่าเดิม ซึ่งการตลาดแบบนี้จำเป็นต้องแย่งชิงพื้นที่ในเว็บ Search engine อย่าง google เพื่อให้เว็บไซต์ของตนเป็นอันดับแรก ๆ ของการค้นหา SEO จึงได้เข้ามามีบทบาทในการตลาดยุคสมัยใหม่มากขึ้น

SEO คืออะไร จำเป็นไหมที่ต้องทำ

SEO ย่อมาจาก Search Engine Optimization เริ่มใช้ในยุคแรก ๆ นับแต่การเข้ามาของ Search engine หลักการเบื้องต้นของ SEO คือ ทำให้เว็บไซต์ของเราอยู่ในหน้าแรก หรืออันดับต้น ๆ ของการค้นหา เพราะการค้นหาหนึ่งครั้ง จะปรากฏเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องมากมายนับไม่ถ้วน แต่ SEO จะทำให้ลูกค้าได้เห็นเว็บไซต์ของเราก่อนเว็บคู่แข่ง การทำ SEO จึงจำเป็นต้องมีเว็บไซต์ที่ดี สร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพ ประกอบด้วยคีย์เวิร์ดต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการค้นหาของผู้เสิร์ช ซึ่งเนื้อหามีคุณภาพจะทำให้ AI ของเว็บ Search Engine นำเว็บไซต์ของเรามาอยู่ในหน้าแรกของการค้นหา ข้อดีของการทำ SEO คือมีราคาถูก ไม่ต้องเสียเงินมากมายในการบูสต์เว็บไซต์ ให้มาอยู่หน้าแรก แต่หากผู้ทำเว็บไซต์เลือกที่จะไม่ทำ SEO ก็ควรต้องเสียเงินค่าโฆษณา มิเช่นนั้นแล้วผู้ค้นหาจะไม่สามารถเจอเว็บของเราได้แน่นอน

SEO กับยอดขายที่ดีขึ้น

ผู้ค้นหามากกว่า 90 % เลือกที่จะคลิกเว็บไซต์ในหน้าแรกของ google หรือ Yahoo น้อยคนมากที่จะหาเว็บไซต์ในหน้าต่อไป การทำ SEO นอกจากจะช่วยให้เว็บไซต์ของเราอยู่หน้าแรก ยังช่วยเพิ่มยอดขายได้มากขึ้น กล่าวคือหากผู้ค้นหาเลือกเข้าชมเว็บไซต์ของเรา และเนื้อหามีคุณภาพชวนให้น่าอ่าน จะดึงเวลาของผู้อ่านให้รับชมโฆษณาในหน้าเว็บไซต์ของเราได้นานขึ้น ซึ่งจะช่วยให้เราได้รับค่าโฆษณามากกว่าเดิม อีกทั้งหากเว็บไซต์ของเราขายสินค้า ส่งผลให้ผู้ค้นหาได้เห็นสินค้าของเราเป็นเวลามากกว่าเดิม ทำให้มีโอกาสในการซื้อ เพิ่มขึ้นเช่นกัน และเมื่อเว็บไซต์ของเราติดอันดับหน้าแรก ก็ไม่จำเป็นต้องดูแลมากอีกต่อไป ดูแลเล็กน้อยก็เพียงพอ

SEO กับการขยายฐานลูกค้าใหม่ ๆ

การตลาดในรูปแบบเดิม จะเน้นการวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายของผลิตภัณฑ์เป็นหลัก เช่น โฆษณาสินค้า 1 ชิ้นบนโทรทัศน์ ก็ต้องเลือกอายุ เพศของผู้ที่คาดว่าจะเป็นฐานลูกค้า โดยนักการตลาดไม่สามารถที่จะจับกลุ่มลูกค้าทุกเพศทุกวัยได้ เพราะงบประมาณของบริษัทมีจำกัด แต่ SEO ไม่สนว่ากลุ่มเป้าหมายนั้นจะเป็นใคร เพราะเว็บไซต์ที่มีคุณภาพ คนทุกเพศทุกวัยสามารถค้นหาเจอ เพื่ออ่านคอนเทนต์ และเกิดการซื้อได้

เห็นได้ว่า SEO ได้เข้ามาทำลายการตลาดแบบเดิม และมีส่วนช่วยการตลาดออนไลน์ ในยุคปัจจุบันเป็นอย่างมาก ทั้งเพิ่มยอดเข้าชม การติดอันดับที่ดี เพิ่มยอดขาย และขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ ดังนั้นนักการตลาดยุคใหม่ควรศึกษา SEO เพื่อรองรับการใช้งาน Ecommerce